“น้ำตาลไทย” เจอภาษีสองเด้ง เวียดนามจ่อเก็บ AD-CVD เฉียด 50%

น้ำตาล

เวียดนาม อ้างรัฐบาลไทยอุดหนุนส่งออก รีดภาษี AD พ่วง CVD น้ำตาลไทยเฉียด 50% เบื้องต้น 120 วัน มีผล 17 ก.พ. 64 ด้านพาณิชย์ผนึกบีโอไอ-สอน.เร่งอุทธรณ์ หวั่นกระทบค่า premium ระยะยาวลดลง ด้านโรงงานน้ำตาล “KSL-ไทยชูการ์” โอดอาเซียนไร้กติกา ชี้ภาษีกระทบชาวเวียดนามต้องซื้อน้ำตาลแพง

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามมีประกาศเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2564 กำหนดอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (AD/CVD) น้ำตาลจากไทย ประกอบด้วย น้ำตาลทรายบริสุทธิ์ และน้ำตาลที่ได้จากอ้อย (พิกัด 1701.99.10, 1701.99.90, 1701.91.00, 1702.90.91) จะถูกเก็บอากรการทุ่มตลาด (AD) ชั่วคราวอัตรา 44.23% ของราคา CIF และอัตราอากรการอุดหนุน (CVD) ชั่วคราวอีก 4.65% ของราคา CIF

ส่วนน้ำตาลทรายดิบ (พิกัด 1701.13.00, 1701.14.00) ถูกเก็บอากรชั่วคราวอัตรา 29.23% ของราคา CIF และอัตราอากรการอุดหนุนชั่วคราวอีก 4.65% ของราคา CIF จากเดิมที่น้ำตาลทั้ง 2 ชนิดถูกเก็บภาษี 0% โดยประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. 2564ที่ผ่านมา เป็นระยะเวลา 120 วัน จนกว่าการไต่สวนจะแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ เวียดนามได้เปิดไต่สวนไทยนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2563 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าพิจารณาจากราคาขายในประเทศหน้าโรงงานชี้ว่าไทยมีการใช้มาตรการอุดหนุน (CVD) และทุ่มตลาดจนทำให้อุตสาหกรรมน้ำตาลทรายของเวียดนามเสียหาย

“ทางกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) ได้เข้าร่วมในกระบวนการไต่สวนการอุดหนุนโดยตอบแบบสอบถามหลังจากนี้ทาง คต. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) จะช่วยกันเต็มที่เพื่อทักท้วงกลับไป เนื่องจากเห็นว่าอัตราจริง ๆ น่าจะไม่ถึง 2% ไม่ควรจะถึง 4.65% เพราะไทยไม่ได้อุดหนุนส่งออก และมีบางโปรแกรมที่เวียดนามจับมาใส่ว่าไทยอุดหนุน เช่น มีโครงการของบีโอไอ EXIM Bank โครงการช่วยเหลือของ สอน.”

นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนขั้นสุดท้ายว่าทำให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ โดยเวียดนามให้หน่วยงานรัฐตอบแบบสอบถามเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการไต่สวน โดยหน่วยงานรัฐบาลไทยมุ่งจะเจรจาเพื่อให้เวียดนามยกเลิกมาตรการดังกล่าวหลังจากครบกำหนด 120 วันแล้ว

“โดยในส่วนของ สอน.ได้ตอบคำถามครบแล้ว อย่างสิ่งที่เวียดนามกล่าวหาว่ารัฐเข้าไปอุดหนุน เขาส่งโครงการหรือมาตรการต่าง ๆ ที่คิดว่าเข้าข่ายมาให้เราตอบ 14 เรื่อง ซึ่งเกี่ยวกับหลายหน่วยทั้งบีโอไอ สรรพากร ใครเกี่ยวเรื่องไหนก็ทำข้อมูลตอบไปรัฐได้ตอบชี้แจงไปแล้ว ส่วนเรื่องการทุ่มตลาดจะเป็นเรื่องของภาคเอกชนที่จะต้องชี้แจง เอกชนเห็นว่าคำถามค่อนข้างละเอียด และเป็นเหมือนการล้วงความลับทางการค้ามากไปเลยยังไม่ได้ตอบ ขณะนี้ก็รอการไต่สวนจากทางเวียดนาม”

ถ้ามีความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญเวียดนามก็จะสามารถใช้มาตรการภาษีดังกล่าวย้อนหลังกลับไปอีก 90 วัน เรียกเก็บจากผู้นำเข้าย้อนหลังตั้งแต่เดือน พ.ย. 2563 เป็นต้นมา การขึ้นภาษีจะมีส่งผลกระทบในระยะยาว 2 ส่วน คือ 1.ตลาดเวียดนามนำเข้าน้ำตาลจากไทยลดลง

และ 2.เมื่อผู้ซื้อเห็นว่าน้ำตาลของไทยขายยากขึ้นก็จะให้ premium น้อยลง ซึ่ง premium เป็นราคาผู้ซื้อจ่ายให้เพิ่มจากราคาน้ำตาลตลาดโลก หากเห็นว่าน้ำตาลของไทยมีคนต้องการมากก็จะทำให้ผู้ซื้อแย่งซื้อน้ำตาลของไทยโดยการให้ค่า premium เพิ่ม โดยในปีที่แล้วไทยส่งน้ำตาลเข้าเวียดนามประมาณ 1 ล้านตัน ถ้าตลาดเวียดนามหายไปก็อาจทำให้ผู้ซื้อให้ค่า premium น้อยลง

นายชลัช ชินธรรมมิตร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL เปิดเผยว่า เคสนี้จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับอุตสาหกรรมน้ำตาลไทย เนื่องจากน้ำตาลลอตปี 2563/2564 บางส่วนได้ขายล่วงหน้าให้กับเทรดเดอร์ไปแล้วตามราคาตลาดโลก ดังนั้น การขายน้ำตาลยังเหมือนเดิม แต่ในเวียดนามเองอาจเกิดภาวะขาดแคลนน้ำตาลจนต้องมีการลักลอบขาย

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้จะเป็นเคสตัวอย่างเป็นกรณีศึกษาในการตอบโต้กับประเทศที่เข้ามาดัมพ์แข่งขันกับไทย ยกตัวอย่างเช่น ข้าวเวียดนามส่งเข้ามาขายตีตลาด รัฐบาลไทยอาจใช้มาตรการขึ้นภาษีได้เช่นกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นการรวมตัวเป็นกลุ่มประเทศอาเซียน (AEC) ไม่ควรแข่งขันกันรุนแรง

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC) กล่าวว่า ราคาน้ำตาลไทยอ้างอิงราคาตลาดโลกจึงถือว่าไทยไม่ได้ดัมพ์ราคาขายในเวียดนาม การขึ้นภาษีนี้จะทำให้ราคาน้ำตาลไทยที่ขายในเวียดนามขยับสูงขึ้นเท่ากับบราซิล ออสเตรเลีย ส่งผลทางลบกับประชาชนเวียดนามต้องกินน้ำตาลราคาแพงขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำตาลในเวียดนามไม่พอ และยังต้องอาศัยการนำเข้าจากไทยเพราะมีต้นทุนที่ถูกกว่าประเทศอื่น

อีกทั้งการขึ้นภาษีครั้งนี้อาจทำให้จีนหันกลับมาซื้อน้ำตาลจากไทยแทนจากที่ปัจจุบันเวียดนามนำเข้าน้ำตาลจากไทยไปบริโภคและส่งออก ทั้งนี้ ต้องจับตาดูผลการเจรจาของทั้ง 2 ฝ่าย หากยังคงขึ้นภาษีอยู่ เทรดเดอร์มีการย้ายขายประเทศอื่น จะมีน้ำตาลคงค้างในโกดังเหลืออยู่จนกว่าเทรดเดอร์จะส่งสินค้าขายใหม่ได้ และระยะยาวอาจกระทบราคาอ้อยขั้นต้นในฤดูการผลิตปี 2564/2565 และอาจเสียตลาดเวียดนามไป