จับตาธุรกิจใหม่กลุ่ม ปตท. เตรียมเงินลงทุน 5 ปี ทะลุ 850,000 ล้านบาท

ปตท. ยังเข้มแข็งในอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี เตรียมเงินลงทุน 5 ปี กว่า 850,573 ล้านบาท ลุยธุรกิจใหม่ทั้งยา EV Battery พร้อมเดินหน้าโครงการ LNG Terminal 2 (หนองแฟบ) โครงการโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 7 โครงการท่อก๊าซฯ บนบกเส้นที่ 5 รวมถึงพลังงานหมุนเวียน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง แผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568) ว่า กลุ่ม ปตท. เตรียมแผนลงทุนในวงเงินรวม 850,573 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง สร้างความเข้มแข็งและความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาเศรษฐกิจไทย ทั้งในธุรกิจหลักของกลุ่มโรงกลั่น ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี  พร้อมทั้งหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ด้วยการรุกธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต

รวมถึงเชื่อมต่อคุณค่าจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมสู่ประชาชน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน เพื่อให้เกิดระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem) ตั้งแต่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และก๊าซธรรมชาติ สู่ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า จนถึงธุรกิจแบตเตอรี่และการกักเก็บพลังงาน (Battery & Energy Storage) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV)

พร้อมเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ ได้แก่ โครงการ LNG Terminal 2 (หนองแฟบ) โครงการโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 7 โครงการท่อก๊าซฯ บนบกเส้นที่ 5 รวมถึงการเดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ผ่าน บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) โดยมีเป้าหมายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 4.3 GW ภายในปี 2568

นอกจากนี้ ยังเตรียมพร้อมก้าวสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยในอนาคต เช่น การจัดตั้งบริษัท AI and Robotics Venture (ARV) ของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) รวมถึงการจัดตั้งบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจ Life Science ใน 4 กลุ่มธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ได้แก่ 1.ธุรกิจยา  2.ธุรกิจอาหารและโภชนาการ  3.ธุรกิจอุปกรณ์และวัสดุทางการแพทย์ 4.ธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อให้เป็น New S-Curve

และยังเดินหน้าโครงการ Restart Thailand สนับสนุนการสร้างงาน สร้างรายได้ และทักษะอาชีพ ด้วยการจ้างแรงงาน พนักงาน และนักศึกษาระดับ ปวช.- ปริญญาตรีในทุกภูมิภาค กว่า 25,000 อัตรา ซึ่งในส่วนของ ปตท. ได้มีการฝึกอบรมนักศึกษาจบใหม่ เพื่อให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม  และพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ในโครงการ SMART Farming เป็นต้น

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2563 เริ่มฟื้นตัว โดย ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไร EBITDA 71,614 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% และมีกำไรสุทธิ 13,147 ล้านบาท ลดลง 973 ล้านบาท หรือ 6.9% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ผลการดำเนินงานของปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA 225,672 ล้านบาท ลดลง 63,300 ล้านบาท หรือ 21.9% มีกำไรสุทธิ 37,766 ล้านบาท ลดลง 55,185 ล้านบาท หรือ 59.4% จากปี 2562 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีจากผลการบริหารจัดการตลอดปีที่ผ่านมา แม้ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและธุรกิจพลังงานโลกที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ เนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19