พาณิชย์ย้ำดูแลปาล์มน้ำมันทั้งระบบ ไม่ให้กระทบเกษตรกร-ผู้บริโภค

พาณิชย์ยันกำกับ ดูแล ปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มทั้งระบบ เพื่อเกษตรกรและผู้บริโภค พร้อมสั่งการพาณิชย์จังหวัดติดตามอย่างใกล้ชิด

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผลผลิตปาล์มน้ำมันตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2563 ต่อเนื่องถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีปริมาณลดลงจากที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดการณ์ไว้ประมาณ 19.50% อันเนื่องมาจากภัยแล้ง ทำให้ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบลดลงเป็นลำดับ ส่งผลให้ราคาผลปาล์มที่เกษตรกรขายได้ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องจากเดือนสิงหาคม 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 3.58 บาท/กก. และสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 อยู่ที่ 7.70 บาท/กก.

ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกระทรวงพาณิชย์ใช้มาตรการกำกับดูแลและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้า โดยกำหนดด่านนำเข้า 3 ด่าน ได้แก่ ด่านท่าเรือกรุงเทพ มาบตาพุด และแหลมฉบัง และด่านนำผ่าน ให้นำผ่านเฉพาะท่าเรือกรุงเทพเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 จาก 23.43 บาท/กก. เป็นสูงสุดที่ 40 บาท/กก. ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564

วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม

ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้กำกับดูแลให้มีการผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ มีการสร้างสถานการณ์ที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความตื่นตระหนก และดูแลราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ให้สอดคล้องกับต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบที่รับซื้อก่อนหน้านี้

โดยในช่วงปลายปี 2563 กรมฯ ได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดชะลอการปรับราคาออกไปให้นานที่สุด และขอความร่วมมือห้างค้าส่ง/ค้าปลีก จำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดให้อยู่ในระดับราคาที่ไม่เป็นภาระต่อประชาชน

ที่ผ่านมาผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดและห้างค้าปลีก/ค้าส่ง ได้ให้ความร่วมมือจัดให้มีการจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในราคาเฉลี่ยที่ 48 – 49 บาท/ขวด สำหรับกรณีที่มีร้านค้าย่อยบางรายฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา กระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดตรวจสอบภาวะการค้าในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และกรมฯ ได้จัดส่งสายตรวจเฉพาะกิจตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเพื่อไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคา

นอกจากการกำกับดูแลดังกล่าวแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังได้ผลักดันมาตรการต่าง ๆ อาทิ การนำน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า การปรับเปลี่ยนน้ำมันดีเซลพื้นฐานจาก B7 เป็น B10 ตลอดจนการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพและยกระดับราคา ผลปาล์มให้กับเกษตรกรได้ประโยชน์

สำหรับการดูแลรับซื้อปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดเข้มงวดกำกับดูแลไม่ให้มีการฉวยโอกาสกดราคารับซื้อ รวมถึงให้ผู้ค้าปิดป้ายแสดงราคารับซื้ออย่างชัดเจน โดยกรมการค้าภายในได้จัดส่งสายตรวจเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจสอบการรับซื้อ ส่งผลให้ราคาผลปาล์มปรับตัวสูงขึ้นเป็นลำดับ

โดยปัจจุบันราคารับซื้อผลปาล์ม อยู่ที่ 5.70 – 6.40 บาท/กก. และขณะนี้ผลผลิตปาล์มน้ำมันเริ่มออกสู่ตลาดแล้ว แต่ยังมีปริมาณไม่มาก จึงขอความร่วมมือโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อผลผลิตในราคาที่สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านการผลิตและการตลาด และปิดป้ายแสดงราคารับซื้อที่อัตราน้ำมัน 18% ขึ้นไป ให้ชัดเจน

ทั้งนี้หากพบว่ามีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ จะมีโทษตามกฎหมาย ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากพบว่ามีการกดราคา หรือจงใจทำให้เกิดความปั่นป่วนด้านราคา จะมีโทษสูงสุดจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ดี จากการกำกับ ดูแล ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ กระทรวงพาณิชย์ใช้ทั้งมาตรการ ในด้านบริหารและมาตรการทางกฎหมายเท่าที่จำเป็นควบคู่กันไป โดยที่ผ่านมายังไม่เคยใช้มาตรการควบคุมราคาเนื่องจากปาล์มน้ำมันเป็นสินค้าเกษตรที่ผลผลิตออกตามฤดูกาล และขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ

อีกทั้งยังเป็นสินค้าเกษตรกึ่งอุตสาหกรรม ซึ่งต้องใช้การบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มที่เป็นต้นน้ำได้รับราคาที่คุ้มค่ากับการเพาะปลูก ในขณะเดียวกันผู้บริโภคที่อยู่ปลายน้ำต้องไม่รับผลกระทบมากเกินไป และไม่เป็นการจำกัดการประกอบธุรกิจของผู้แปรรูปที่อยู่กลางน้ำ เพื่อให้ผู้รับไม้ต่อยังคงสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ อย่างไรก็ตามหากพบเห็นว่ามีการกระทำผิดในการกดราคารับซื้อหรือมีการฉวยโอกาสขึ้นราคา สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 ของกรมการค้าภายใน