“จุรินทร์” ตั้งกรรมการซ้ำ สอบวินัยร้ายแรงต่อเจ้าหน้าที่ อคส. 3 ราย

“จุรินทร์” เผยผลสอบของคณะกรรมการสอบสวน ชี้มีมูลพร้อมตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และตั้งคณะกรรมการความผิดทางละเมิดกับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย กรณีจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้นำผลสอบของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มี พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นประธาน กรณีการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท ซึ่งสอบสวนแล้วเสร็จ ภายหลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 รายได้ส่งหนังสือชี้แจงกลับมาเป็นที่เรียบร้อย

สำหรับผลสอบสวนมีมติ 3 ข้อ ได้แก่ 1.ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย หลังจากที่คณะกรรมสืบสวนฯ พิจารณาแล้วชี้มูลว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรง เห็นควรให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับทั้ง 3 ราย หากพบว่ากระทำผิดจริงมีโทษสูงสุดคือไล่ออกและให้ออก

2.คณะกรรมการสืบสวนฯ ได้พบความเสียหายต่อ อคส. จากกรณีที่เกิดขึ้น จากการกระทำของทั้ง 3 ราย คือ การจ่ายเงินมัดจำถุงมือยาง 2 พันล้านบาท ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 2% ต่อปี ความเสียหายอื่น ๆ เห็นควรให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด

ทั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อหาความรับผิดชอบทางละเมิด ในการนำเงินคืน อคส. และ 3.เห็นควรให้ส่งผลการสืบสวนข้อเท็จจริง 900 หน้า ส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อประกอบการพิจารณาในการไต่สวนถุงมือยางต่อไป

อย่างไรก็ดี ตนยังกำชับ อคส.ให้เร่งดำเนินการทางกฎหมายเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงให้ได้โดยเร็ว เพื่อรายงานให้สาธารณะได้รับทราบ พร้อมหาผู้ที่กระทำความผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ได้ เพื่อให้ได้รับโทษทางวินัย ทางเพ่ง ทางอาญาต่อไป

ด้าน นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 นี้ ตนจะออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ ซี่งมีกรอบระยะเวลาพิจารณา 30 วัน และตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด มีกรอบระยะเวลา 60 วัน กับทั้งเจ้าหน้าที่ อคส.ทั้ง 3 ราย ส่วนผลสืบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดจะจัดส่ง ป.ป.ช.ในวันนี้ (19 มีนาคม 2564) เพื่อขยายผลต่อไป

นอกจากนี้ สำหรับสัญญาซื้อขายถุงมือยางที่ อคส.ทำกับเอกชนนั้น ถือเป็นโมฆะทั้งหมด เนื่องจากว่าเป็นสัญญาที่ดำเนินการอย่างไม่สมบูรณ์ ดังนั้น สัญญาดังกล่าวจึงยกเลิกอัตโนมัติ และไม่จำเป็นต้องส่งหนังสือเพื่อยกเลิกสัญญา ซึ่งทางเอกชนที่ทำสัญญาซื้อขายด้วยก็มึการทวงถามมาเช่นกัน แต่อย่างไรก็ดี เอกชนไม่ได้มีการดำเนินการฟ้องร้องค่าเสียหายจากกรณีดังกล่าวมาทาง อคส. แต่อย่างไร

พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ราย ที่ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงได้ส่งหนังสือกลับมายังคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่อย่างไรก็ดี จากการสืบสวนแล้วเห็นว่ามีมูลความผิด จึงต้องมีการพิจารณาหาขั้นต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ 3 ราย ที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ได้แก่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. และเจ้าหน้าที่บริหาร อคส. ระดับ 8 คือ นายเกียรติขจร แซ่ไต่ และนายมูรธาธร คำบุศย์