หอการค้า ชู Happy model หนุนท่องเที่ยวไทย ฟื้นจากโควิด

ท่องเที่ยว
ภาพโดย arnie chou จาก Pixabay

หอการค้าไทย หนุน Happy model ในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยในแต่ละภูมิภาครองรับหลังฉีดวัคซีน หวังเพิ่มรายได้ให้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

วันที่ 27 มีนาคม 2564 นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในหัวข้อ ‘New Normal ท่องเที่ยวไทย ทำอย่างไร เมื่อต่างชาติไม่มากเท่าเดิม’ ในงาน THAILAND TOMORROW by workpointTODAY ทอล์คความรู้ฉีดวัคซีนเศรษฐกิจไทย เตรียมพร้อม เทคออฟเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง ว่า ปัจจุบันหอการค้าแห่งประเทศไทยได้ผลักดันโมเดล ‘Happy Model’ หรือโมเดลอารมณ์ดีมีความสุข เพื่อขับเคลื่อนในการสนับสนุนการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาคเพื่อกระตุ้นรายได้ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

โมเดลนี้ประกอบด้วย 1) กินดี คือการกินอาหารท้องถิ่นที่อร่อย สะอาด มีประโยชน์ บวกกับการสร้าง Branding และ Packaging เพื่อเพิ่มมูลค่า

2) อยู่ดี คือการทำที่พักให้ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ดูแลสิ่งแวดล้อมทั้งเรื่องขยะ คุณภาพน้ำ และอื่น ๆ รวมถึงรองรับเทรนด์ Work From Anywhere

3) ออกกำลังกายดี แต่ละจังหวัดมีกิจกรรมต่างๆ เช่น ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ปีนหน้าผา ฯลฯ

4) แบ่งปันสิ่งดีๆ คือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับท้องถิ่น หรือแลกเปลี่ยนความรู้กับปราชญ์ชาวบ้าน โดยทั้งหมดนี้จะต้องสร้าง Storytelling

ทั้งนี้ เพื่อให้โมเดล ‘Happy Model’ ให้เกิดขึ้นจริงได้นั้น หอการค้าไทยจะขับเคลื่อนใน 5 ขั้นตอน คือ 1) สร้างความเข้าใจกับชุมชนและส่วนต่าง ๆ 2) กำหนดมาตรฐานร่วมกัน เรื่องที่พัก อาหาร ความปลอดภัย ฯลฯ 3) พัฒนาบุคลากรให้พร้อมบริการ 4) สร้างฐานะข้อมูลผ่านแพลตฟอร์ม ‘ทักทาย’ ให้นักท่องเที่ยวสามารถค้นหาข้อมูล แพลนทริป หรือแชร์ประสบการณ์ระหว่างกันได้ และ 5) ส่งเสริม Creative Economy

นอกจากนี้ ยังต้องการให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนจัดการประชาสัมพันธ์ ในการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศและรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายหลังจากที่มีการฉีดวัคซีนหรือมีความเชื่อมั่นที่จะสามารถที่จะไปเที่ยวในต่างประเทศได้แม้ปริมาณนักท่องเที่ยวจะเข้ามาได้ในจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้

แต่ทำอย่างไรจะให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีการใช้จ่ายที่มากขึ้นและอยู่ในประเทศไทยได้ยาวนานมากขึ้นซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับภาคบริการท่องเที่ยว ได้เป็นอย่างดี

“ปี 2562 ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด 3 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้ 2 ล้านล้านบาท มาจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และอีก 1 ล้านล้านบาท มาจากนักท่องเที่ยวไทย โดยมีปริมาณนักท่องเที่ยวรวม 40 ล้านคน แต่เมื่อ ประสบปัญหาเรื่องของโควิชทำให้ จำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้ที่ควรจะได้รับหายไปจนหมด”

ในปี 2564 นี้จำนวนนักท่องเที่ยวและ ปริมาณรายได้ที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะไม่ได้กลับมาเหมือนหลายปีที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้หอการค้าไทย ก็พร้อมที่จะผลักดันและสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมามีรายได้ที่เพิ่มขึ้นและภาคการท่องเที่ยว ที่น่าสนใจและควรจะผลักดันให้เกิดรายได้คือ ภาคการท่องเที่ยวด้านสุขภาพและการรักษาซึ่งมีรายได้ เกิดขึ้นต่อปีปริมาณ 4 แสนล้านบาท

นายกลินท์ กล่าวอีกว่า Wellness Tourism และ Medical Tourism เป็นภาคบริการด้านการท่องเที่ยวที่จะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในอนาคตจึงต้องการให้มีการสนับสนุนและผลักดันให้ เกิดการท่องเที่ยวให้มากขึ้นเนื่องจากว่านักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูงและมีคุณภาพ

“ประเทศไทย มีการรักษาและดูแลสุขภาพได้อย่างดี ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหันเข้ามาใช้บริการที่ประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้นในกลุ่มภาคบริการนี้จึงจะเป็น จุดสำคัญที่จะกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้อีกทั้งยังช่วยสร้างการจ้างงานให้เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ได้เป็นอย่างดี”

อย่างไรก็ดี ยังมีเรื่องของกฎระเบียบและกฎหมายโดยเฉพาะที่เป็นอุปสรรคในภาคของการท่องเที่ยวก็ยังต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลและช่วยสนับสนุนเพื่อให้เกิด การ คล่องตัวในภาคปฏิบัติให้มากขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบการ ได้ลดปัญหาและอุปสรรคเพื่อสนับสนุนให้การท่องเที่ยวได้ฟื้นตัว