ไทยออยล์ มุ่งโตแบบ Fast track หาพาร์ทเนอร์ร่วมทุนธุรกิจปิโตรเคมี

โรงกลั่นไทยออยล์

“ไทยออยล์” เผยโครงการพลังงานสะอาด CFP คืบหน้ากว่า 60% เร่งหาพาร์ทเนอร์ร่วมทุนให้จบภายในปี 2564 มุ่งโตแบบ Fast track เปิดเจรจาต่อยอด พร้อมเปิดแผนโดดร่วมแจมโรงไฟฟ้าชุมชน ต่อยอดจากพาร์ทเนอร์ป้อนกากผลิตไฟ ย้ำเป้าอีก 10 ปี พอร์ต 4 ธุรกิจต้องปรับสัดส่วนโรงกลั่นให้เหลือ 40% เพิ่มสัดส่วนธุรกิจใหม่

วันที่ 1 เมษายน 2564 นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้า โครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ว่า โครงการดังกล่าวได้เริ่มในส่วนก่อสร้างไปแล้วกว่า 60% ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนในปี 2566 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า ในระหว่างนี้จะเร่งเจรจาหาพาสเนอร์เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการเติบโตแบบรวดเร็ว (Fast track)

โดยเป้าหมายจะมุ่งหาพาร์ทเนอร์เพื่อเข้าไปร่วมทุนในธุรกิจปิโตรเคมีในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดที่มีดีมานด์สูง เช่น เวียดนาม และอินโดนีเชีย รวมถึงหาพาร์ทเนอร์ที่อยู่ในอาเซียนเป็นหลัก

วิรัตน์ เอื้อนฤมิต

เป้าหมายจะเป็นการส่งเนฟทาไปซัพพอร์ตโรงงานปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ ที่ไทยออยล์เข้าไปร่วมลงทุนในต่างประเทศ และผลิตสินค้าออกมา ส่วนในประเทศก็ยังคงเจรจากับพาร์ทเนอร์ธุรกิจปิโตรรายอื่นเช่นกัน

โดยธุรกิจสายโอเลฟินส์จะทำให้ไทยออยล์ไปถึงดาวน์สตรีม หรือผลิตภัณฑ์ specialty เป็นไฮแวลูโปรดักต์ (HVP) มากขึ้น

นอกจากนี้ ไทยออยล์ยังมีแผนเข้าไปประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนที่ภาครัฐเปิด เนื่องจากพาร์ทเนอร์ที่มีอยู่สามารถป้อนกากจากพืชที่เหลือ เพื่อผลิตไฟฟ้าให้ได้ จะต่อยอดจากสิ่งนี้

อย่างไรก็ตาม ตามแผนอีก 10 ปีนับจากนี้ ไทยออยล์จะปรับสัดส่วนพอร์ตงานให้มีความสมดุลมากขึ้น โดยเพิ่มสัดส่วนธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้ในปี 2573 ไทยออยล์จะมีรายได้จากธุรกิจโรงกลั่น ปิโตรเลียม 40% ธุรกิจปิโตรเคมี 40% ธุรกิจโรงไฟฟ้า 15% และธุรกิจใหม่ New Business อีก 5%