“กุลิศ” ถก 2 อนุฯ EV นัดแรก จ่ออุ้มโรงกลั่น-ผู้ค้าน้ำมัน

ที่ชาร์ตรถยนต์ไฟฟ้า
Jack TAYLOR / AFP

จับตา “ปลัดพลังงาน” นั่งหัวโต๊ะประชุม 2 อนุกรรมการอีวีนัดแรก สัปดาห์นี้ ออกสตาร์ตเร่งเครื่องตามนโยบายรัฐสั่งลุยอีวี 100% ปี’78 เตรียมวางมาตรการเสริมความพร้อม “แบตเตอรี่-สถานีชาร์จ” ผลกระทบพลังงานน้ำมันโรงกลั่น-ผู้ค้ามาตรา 7

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการประเมินผลกระทบด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซเรือนกระจก จากการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า และคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและแบตเตอรี่เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งตนเป็นประธานครั้งแรก

โดยคณะอนุกรรมการนี้มาจากหลายหน่วยงาน อาทิ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กรมธุรกิจพลังงาน และมีสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เป็นฝ่ายเลขาอนุกรรมการ ซึ่งการประชุมครั้งแรกจะเป็นการวางกรอบการทำงานเพื่อศึกษาถึงแนวทางการเตรียมพร้อมทั้งในส่วนการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) การจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟา (EV charging station)

รวมถึงผลกระทบด้านน้ำมันเชื้อเพลิง โรงกลั่นน้ำมัน และผู้ค้ามาตรา 7 หากดำเนินมาตรการส่งเสริมการผลิตรถอีวีให้เร็วขึ้นตามมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ทั้งนี้ หลังจากได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอต่อที่ประชุมบอร์ดอีวีในวันที่ 13 พฤษภาคม 2564

“การประชุมจะแยกเป็น 2 ครั้ง คือคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวกับการผลิตแบตเตอรี่และสถานีชาร์จก่อน และมีการประชุมเพื่อประเมินผลกระทบด้านน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งจะเกี่ยวข้องกับทั้งโรงกลั่นน้ำมันและผู้ค้ามาตรา 7 ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไร ต้องปรับตัวอย่างไร โดยจะอาศัยโมเดลที่คณะกรรมการพิจาณาไว้ว่าจะมีการผลิตรถยนต์อีวีในปี 2035 หรือปี 2578 “

รายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ซึ่งมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงานเป็นประธาน  พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาตั้งเป้าหมายว่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศครบ 100% ในปี 2578 จากเดิมที่กำหนดปี 2583

ซึ่งเท่ากับว่าไทยจะมีรถยนต์ไฟฟ้ารวม 18.41 ล้านคัน เป็นรถยนต์นั่งและรถปิกอัพ 8.62 ล้านคัน รถจักรยานยนต์ 9.33 ล้านคัน รถบัสและรถบรรทุก 0.458 ล้านคัน โดยวางสเต็ปแรกปี 2573 ว่าจะต้องผลิตรถยนต์อีวีให้ได้ 30% หรือ 6.22 ล้านคัน เป็นรถยนต์นั่งและรถปิกอัพ 2.93 ล้านคัน รถจักรยานยนต์ 3.13 ล้านคัน รถบัสและรถบรรทุก 0.156 ล้านคัน

โดยได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 4 คณะเพื่อศึกษา 4 ด้าน ได้แก่

1.คณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน

2.คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและแบตเตอรี่เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน

3.คณะอนุกรรมการประเมินผลกระทบด้านน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซเรือนกระจกจากการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน

4.คณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า มีปลัดกระทรวงการคลังหรือผู้แทนเป็นประธาน

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ปี 2563 ไทยมีรถไฮบริด/ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (HEV/PHEV) 186,272 คัน (แบ่งเป็นรถยนต์ 179,034 คัน, รถจักรยานยนต์ 7,236 คัน รถโดยสาร 1 คัน และรถบรรทุก 1 คัน) และรถ BEV 5,685 คัน แบ่งเป็น รถยนต์ 2,202 คัน รถจักรยานยนต์ 3,128 คัน รถสามล้อ 235 คัน รถโดยสาร 120 คัน