
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่ากากรระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน และพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ได้เร่งทำความเข้าใจกับร้านธงฟ้าประชารัฐ อย่าได้ทำพฤติกรรมรวมชุดสินค้าเพื่อหวังกำไรโดยเด็ดขาด ควรปล่อยให้เป็นทางเลือกของผู้ถือบัตรสามารถเลือกซื้อสินค้าเองได้ภายในร้านอย่างเสรีภายใต้ตามสิทธิของวงเงินในบัตรแต่ละคน และไม่ควรปฎิเสธรับรูดบัตรโดยอ้างคนมาใช้บริการที่ร้านมาก พร้อมทั้งจะต้องติดป้ายแสดงราคาสินค้าต่อหน่วยให้ผู้ถือบัตรได้รับทราบก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าที่ร้าน หากไม่ปฎิบัติตามจะถูกพิจารณาเพิกถอนร้านธงฟ้าประชารัฐทันที ซึ่งการเข้มงวดขึ้นครั้งนี้ หลังมีรายงานถึงปัญหาการใช้งานในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจัดชุดสินค้ามาวางขายชุดละ 200-300 บาท ซึ่งอาจไม่ตรงความต้องการผู้ใช้บัตร และบางร้านไม่ติดป้ายแสดงราคา
“ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา มักได้ยินร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกระทำผิด ไม่ทำตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ซึ่งมีการถอนร้านค้าบางร้านแล้วแต่น้อยรายมาก เมื่อได้รับการร้องเรียนขายเกินราคา ก็ให้ค้าภายในและพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ตรวจแบบไม่มีการแจ้งล่วงหน้า กำชับไปว่าเจอร้านค้าใดทำผิดหลักเกณฑ์ให้ถอนออกจากโครงการได้ทันที ซึ่งประชาชนก็สามารถร้องผ่านสายด่วน 1569 หากพบการฉวยโอกาสหรือค้าไม่เป็นธรรม นอกจากร้านค้าถูกถอนแล้ว ถือว่าผิดกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้าปรับไม่เกิน 10,000 บาทต่อครั้งด้วย ” นายสนธิรัตน์ กล่าว
- จับตาธุรกิจเลิกจ้าง ปิดกิจการ ส่งออกสะดุด-บริษัทยักษ์ย้ายฐาน
- เปิดลงทะเบียนแก้หนี้ 1 ธ.ค.นี้ เครดิตบูโรห่วงกู้ซื้อ “รถ-บ้าน” ค้างจ่ายพุ่ง
- เช็กเงื่อนไขกู้ “ออมสิน” ปลดหนี้นอกระบบ คุณสมบัติผู้กู้ต้องมีอะไรบ้าง ?
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กรมบัญชีกลางยืนยันจะติดตั้งเครื่องรูดบัตรตามร้านค้าธงฟ้าประชารัฐได้ครบ 18,000 ร้านตามเป้าหมายภายในเดือนพฤศิกายนนี้ จากที่ติดตั้งแล้วเกือบ 10,000 ร้าน เมื่อครบตามเป้าหมายจะทำเกิดยอดใช้จ่ายและเงินสู่ระบบเศรษฐกิจเดือนละไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท จาก 2 เดือนแรกที่เปิดตัวโครงการฯมีเงินเข้าระบบแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท จากนี้กำลังศึกษาเพิ่มสินค้าเกษตรและบริการต่างๆในเฟส2 เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีทางเลือกและลดค่าครองชีพได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีการนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ภายในสัปดาห์หน้า
ที่มา มติชนออนไลน์