พนง.ร้านกาแฟมวลชน สาขากระทรวงเกษตรฯ ติดโควิด ปลัดฯสั่งทำงานที่บ้าน 80%

ปลัดเกษตรฯ ห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 คุมเข้มมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัดสั่งสำรวจและกักตัวกลุ่มเสี่ยง สร้างความมั่นใจให้บุคลากรและผู้มาติดต่อราชการหลังพนักงานของร้านกาแฟมวลชน สาขากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดเชื้อไวรัสโควิค-19 จำนวน 1 ราย

วันที่ 22 เมษายน 2564 นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีพนักงานของร้านกาแฟมวลชน สาขากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณประตูทางออกด้านถนนวิสุทธิกษัตริย์ พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิค-19 จำนวน 1 ราย จากการตรวจสอบพนักงานรายดังกล่าว พบว่าเข้ามาทำงานเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2564 หลังวันหยุดสงกรานต์ และในวันที่ 17-18 เม.ย. 2564 (เสาร์-อาทิตย์) ร้านปิดทำการตามปกติ โดยในวันเสาร์ที่ 17 เม.ย. 2564 พนักงานเริ่มแสดงอาการจึงเข้าไปรับการตรวจร่างกาย และทราบผลวันอาทิตย์ที่ 18 เม.ย. 2564 ว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19

จากนั้นทางร้านได้ปิดทำการในวันจันทร์ที่ 19 เม.ย. 2564 ทันที พร้อมฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ และให้พนักงานในร้านกาแฟมวลชนทุกคนไปตรวจร่างกาย ผลการตรวจยืนยันว่า พนักงานทั้งหมดไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ทางร้านได้มีคำสั่งให้พนักงานทุกคนกักตัว 14 วัน และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงได้สั่งการให้ร้านกาแฟมวลชน ปิดทำการไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 2564 และให้เปิดทำการอีกครั้งวันที่ 1 พ.ค. 2564 โดยใช้พนักงานชุดใหม่ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบุคลากรสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรฯ ขณะนี้ได้ดำเนินการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เข้าใช้บริการร้านกาแฟมวลชนดังกล่าว ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมาแล้ว และสั่งการให้สังเกตอาการ และปฏิบัติราชการที่บ้าน (WFH) 14 วัน ส่วนบุคคลากรคนใดที่ทราบว่าเดินทางไปร้านกาแฟมวลชนดังกล่าว ในวันที่ 16 เม.ย. 2564 ก่อนที่จะพบว่าพนักงานติดเชื้อไวรัสโควิค-19 ให้เฝ้าสังเกตดูอาการอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้น

อีกทั้งเพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับข้าราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกษตรกร และประชาชนที่มาติดต่อประสานงาน จึงได้สั่งการฉีดยาฆ่าเชื้ออย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ฉีดพ่นน้ำยาทั่วบริเวณพื้นที่ภายในและรอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อฆ่าเชื้อไวรัสต่าง ๆ เป็นการลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดไปเมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา

นอกจากนั้น ยังได้สั่งการให้ข้าราชการ และบุคลากร เข้ามาปฏิบัติราชการที่สำนักงานร้อยละ 20 (WFH ร้อยละ 80) ตั้งแต่วันที่ 16 – 30 เม.ย. 2564 เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการของรัฐบาลด้วย ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีข้อสั่งการแนวทางปฏิบัติภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยการปรับการปฏิบัติงานของบุคลากรในสังกัดและในกำกับของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ 16 – 30 เมษายน 2564 ให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังต่อไปนี้

1. เน้นย้ำบุคลากรปฏิบัติตามหลัก DMHT (D : Social Distancing เว้นระยะห่าง M : Mask สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน อยู่ในพื้นที่สาธารณะ H : Hand ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ T : Testing การตรวจเร็ว รักษาเร็ว ควบคุมโรคได้เร็ว และ T : Thai cha na . ใช้แอฟไทยชนะ) อย่างเคร่งครัด

2. ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับและเน้นย้ำบุคลากรให้ติดตามข้อมูลอย่างรอบด้าน หากพบมีกรณีความเสี่ยงสูงให้รีบไปตรวจหาเชื้อทันที และหากเสี่ยงระดับรองลงมา ให้พิจารณากักตัวหรือปฏิบัติงานจากที่บ้าน อย่างน้อย 14 วัน ทั้งนี้ ผู้มีความเสี่ยงขอให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขโดยเฉพาะเมื่อเข้าตรวจแล้ว ขอให้เข้าที่พักทันทีเพื่อรอฟังผลโดยไม่ไปสถานที่อื่น

3. ให้ทุกหน่วยงานวางแผนการให้บุคลากรในองค์กรปฏิบัติราชการที่บ้าน หน่วยงานละไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 และให้ปฏิบัติตามแผนบริหารความต่อเนื่องขององค์กร (Business Continuity Plan : BCP) โดยให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานอนุมัติ งานอนุญาต และงานบริการ ทั้งนี้ขอให้ยึดถือ “แนวปฏิบัติ” ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2563 และเน้นย้ำให้มีการปฏิบัติ/การสื่อสาร โดยดำเนินการตามขั้นตอนปฏิบัติ WFH ตามระเบียบปฏิบัติอย่างถูกต้อง ครบถ้วน

รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกฝ่ายทุกท่านต้องสามารถกลับเข้ามาปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้งได้ทันทีที่สั่งการ ตลอดจนวางแผนให้มีการติดต่อสื่อสารกันภายในหน่วยงานโดยสม่ำเสมอ และตรวจสอบงานให้บริการ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการได้ แต่ต้องสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องและไม่หยุดงานให้บริการ

4. การจัดประชุมหรือการจัดสัมมนา ให้ปรับรูปแบบการดำเนินกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์แทน

และ 5. พิจารณากิจกรรมที่ต้องมีการเดินทางและลงพื้นที่ โดยขอให้ปรับแผนการทำงานเพื่อลดความเสี่ยงจากการเดินทาง การออกนอกพื้นที่ตั้งสำนักงานและการออกนอกพื้นที่จังหวัด