ไทย เร่งเจรจาด่วน หลังเมียนมาห้ามนำเข้าสินค้าเครื่องดื่ม มีผล 1 พ.ค.นี้

ภาพจาก แฟ้มภาพ

“จุรินทร์” สั่งหน่วยงานพาณิชย์เร่งเจรจาด่วน หลังเมียนมาเตรียมออกประกาศห้ามนำเข้าสินค้าเครื่องดื่มผ่านด่านทางบก และให้นำเข้าผ่านด่านทางเรือแทน มีผล 1 พ.ค.นี้

วันที่ 27 เมษายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแผนรับมือเมียนมางดการนำเข้าสินค้าเครื่องดื่มชั่วคราว หลังได้รับรายงานจากทูตพาณิชย์ประจำเมียนมาว่าในวันที่ 1 พ.ค.2564 อาจจะมีคำสั่งเรื่องสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่ม ที่เมียนมาอาจระงับไม่ให้นำเข้าผ่านด่านทางบก ให้ส่งออกผ่านด่านทางเรือ ว่า  ตนได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมการค้าต่างประเทศ เร่งดำเนินการเจรจา โดยจะมีการนัดหารือกับอธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศของเมียนมา เพื่อถามถึงสาเหตุและหนทางในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหา และเมื่อได้หารือกันแล้วจะแจ้งข้อเท็จจริง รวมทั้งความคืบหน้าในการหาทางออกร่วมกันต่อไป ซึ่งคาดจะเร่งหารือกันในบ่ายวันนี้ (27 เมษายน 2564)

ทั้งนี้ การค้าชายแดนไทย-เมียนมา ยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่เรื่องนี้ เป็นกรณีเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่ม เช่น เครื่องดื่มบำรุงกำลัง น้ำอัดลม น้ำผลไม้ และนมเปรี้ยว เป็นต้น โดยไทยส่งออกไปยังเมียนมาปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยหากเป็นไปตามที่เมียนมาจะดำเนินการ จะกระทบทำให้ไทยต้องไปส่งทางเรือ มีต้นทุนการขนส่งมากขึ้นแทนที่ไปส่งทางบก ซึ่งที่ผ่านมา ไทยส่งผ่านด่านใหญ่ 3 ด่าน คือ 1.แม่สอด 2.แม่สาย 3.ระนอง

ก่อนหน้านี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง เมียนมา แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2564 เป็นต้นไป รัฐบาลเมียนมาประกาศห้ามนำเข้าสินค้า 5 รายการ ผ่านด่านการค้าชายแดนระหว่างประเทศทางบก โดยให้นำเข้าทางเรือแทน ได้แก่ เครื่องดื่มทุกประเภท เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง , เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาแฟ และชา , กาแฟสำเร็จรูป , นมข้นหวาน และนมข้นจืด จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

โดยในช่วง 2 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.พ.) เมียนมานำเข้าสินค้าดังกล่าวจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งยังขาดดุลการค้ากับไทยจำนวนมาก นำเข้าเครื่องดื่มจากไทยมากถึง 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการที่ชาวเมียนมาต่อต้านสินค้าของบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพ จึงหันมานำเข้าจากไทยแทน และปัจจุบัน เมียนมายังมีปัญหาขาดดุลการค้ากับไทย รัฐบาลต้องการแก้ปัญหานี้ จึงได้ออกประกาศห้ามนำเข้าทางบก และให้นำเข้าทางเรือแทน

สำหรับการหารือกับเมียนมา ไทยจะขอให้เมียนมาทบทวนการออกประกาศดังกล่าว และย้ำให้เห็นว่า การขาดดุลการค้า ไม่ได้มาจากเมียนมานำเข้าสินค้าจากไทยเพียงฝ่ายเดียว แต่ไทยก็นำเข้าสินค้าจากเมียนมาเป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมา ตัวเลขนำเข้าน้อย เพราะการขนส่งในเมียนมาไม่คล่องตัว จากเหตุการณ์ความไม่สงบ จึงส่งออกมาไทยได้น้อย โดยหวังว่าเมียนมาจะเข้าใจเหตุผลของไทย และยอมทบทวนการออกประกาศดังกล