พาณิชย์จับมือพันธมิตร จัดชุดสินค้าอุปโภค-บริโภค ขายในราคาถูก

พาณิชย์ จับมือ พันธมิตรรายใหญ่ จัดชุดสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน มูลค่ารวมกว่า 12 ล้านบาท จำหน่ายถึงมือประชาชนราคาประหยัด ผ่านร้านค้ากองทุนหมู่บ้าน 3,500 แห่งทั่วประเทศ

วันที่ 3 พ.ค. 2564 นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) จัดกิจกรรม ‘ซื้อง่าย ถูกใจ ใกล้ชุมชน’ จัดชุดสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน จำนวน 23 รายการ มูลค่ากว่า 3,500 บาท

เช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช น้ำตาลทราย ฯลฯ จำหน่ายถึงมือประชาชนในราคาพิเศษ ผ่านเครือข่ายร้านค้ากองทุนหมู่บ้าน 3,500 แห่งทั่วประเทศ มูลค่าสินค้ารวมกว่า 12,250,000 บาท

สินิตย์ เลิศไกร

ทั้งนี้ เพื่อให้ร้านค้านำสินค้าราคาประหยัดไปจำหน่ายแก่ประชาชนในชุมชน ซึ่งร้านค้ากองทุนหมู่บ้านมีแนวคิดพื้นฐานในการจัดตั้ง คือ ‘ร้านค้าของคนในชุมชน เพื่อคนในชุมชน’ ดังนั้น การจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษจึงทำให้สมาชิกของร้านค้า (คนในชุมชน) ได้เลือกซื้อสินค้าราคาประหยัด

ขณะเดียวกัน ร้านค้าจะมียอดขายและกำไรเพิ่มขึ้น โดยกำไรที่ได้รับจะถูกจัดสรรกันในชุมชน ผ่านกลไกสมาชิกร้านค้ากองทุนหมู่บ้าน ส่งผลให้เกิดการไหลเวียนของเม็ดเงินในชุมชนอย่างต่อเนื่อง ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง เป็นการช่วยเหลือทั้งผู้บริโภค ร้านค้าโชห่วยในท้องถิ่น และกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชนไปพร้อมกัน

“ร้านค้ากองทุนหมู่บ้าน ทั้ง 3,500 แห่ง จะได้รับหนังสือจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อให้ไปรับชุดสินค้า ณ ห้างแม็คโคร ภายในจังหวัดที่ร้านค้าตั้งอยู่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายค่าชุดสินค้าแต่ประการใด กำหนดรับชุดสินค้าตั้งแต่วันที่ 1 – 31 พฤษภาคม 2564 นี้

หลังจากนั้น กรมฯ และหน่วยงานพันธมิตรจะทำการประเมินจุดเด่น จุดด้อย ปัญหา และอุปสรรคที่ได้รับจากกิจกรรม ก่อนนำมาปรับปรุงและพัฒนาเพื่อกำหนดแนวนโยบายในการช่วยเหลือประชาชน และร้านค้าโชห่วยต่อไป กิจกรรม ‘ซื้อง่าย ถูกใจ ใกล้ชุมชน’ จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและร้านค้าโชห่วยมากที่สุด เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็งในระยะยาว”

ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วย เป็นทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร น้ำมัน น้ำตาลทราย และของใช้ประจำวันอื่น ๆ สำหรับประชาชนที่ต้องการหลีกเลี่ยงการเดินทาง และไม่ประสงค์ที่จะจับจ่ายใช้สอยในสถานที่แออัดหรืออากาศไม่ถ่ายเท เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของโรคระบาด

ขณะเดียวกัน ร้านค้าโชห่วยยังเป็นช่องทางสำคัญของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน ผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ เช่น เราชนะ คนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ม.33 เรารักกัน รวมถึงเป็นแหล่งจ้างงานในชุมชนและช่องทางการกระจายสินค้าที่สำคัญในระดับท้องถิ่น

ซึ่งในปี 2563 ร้านค้าโชห่วยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกันกว่า 1.03 ล้านล้านบาท และมีปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ทั้งมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาซื้อสินค้าใกล้บ้านแทนการไปซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกสมัยใหม่

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ 02 547 5986 สายด่วนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 1570 e-Mail : [email protected] และ www.dbd.go.th