หอการค้าพบ “อนุพงษ์” ขอเอกชนร่วมทีมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด

“สนั่น” นำทัพหอการค้าฯ หารือ “อนุพงษ์” รมว.มหาดไทย เสนอตั้ง กกร.จังหวัดร่วมทีมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อระดับจังหวัด รับมือโควิด พร้อมประสานความร่วมมือท้องถิ่นรองรับการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ เพิ่มคุมเข้มจุดเสี่ยง ดึงงบฉุกเฉินจังหวัดจัดหาเครื่องตรวจคัดกรองเชิงรุก

วันที่ 6 พ.ค. 2564 นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้มีการนำคณะกรรมการฯ เข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อหารือแนวทางการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ตามนโยบาย Connect the dots ซึ่งเป็นภารกิจเร่งด่วนของหอการค้าไทยภายใน 99 วันแรก

คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่น และแก้ปัญหาของผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ขณะเดียวกันก็วางรากฐานไปสู่การฟื้นตัวอย่างยั่งยืน โดยหนึ่งในภารกิจเร่งด่วนดังกล่าว คือ การเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ

ทั้งนี้ หอการค้าจังหวัดและภาคเอกชนในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ พร้อมสนับสนุนรัฐบาลในการดำเนินการเพื่อคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID–19 ระลอกใหม่ สำหรับการเตรียมความพร้อมสถานที่รองรับการฉีดวัคซีนของแต่ละจังหวัดนั้น

หอการค้าไทย หอการค้าจังหวัด และเครือข่าย พร้อมสนับสนุนสถานที่ในการฉีดวัคซีน (เพิ่มเติมจากโรงพยาบาลและสถานที่ที่รัฐจัดหาให้) โดยขอให้กระทรวงมหาดไทยมีข้อสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เป็นผู้นำในการประสานความร่วมมือกับบุคลากรทางการแพทย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะมีความพร้อมทั้งบุคลากร งบประมาณ และมีความชำนาญในพื้นที่

“ทางหอการค้าขอให้พิจารณาแต่งตั้งให้ภาคเอกชน หรือ กกร.แต่ละจังหวัด ร่วมเป็นที่ปรึกษาหรือกรรมการในคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อในระดับจังหวัด เพื่อร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ ในการสนับสนุนด้านสาธารณสุข การกำหนดมาตรการ ควบคู่กับการฟื้นฟูเยียวยาเศรษฐกิจของพื้นที่ อาทิ การปรับลดอัตราภาษีป้ายที่มีอัตราการจัดเก็บใหม่ หรือยกเว้นการจัดเก็บออกไปก่อน 1- 2 ปี เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการในส่วนภูมิภาค”

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันหรือหยุดยั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในพื้นที่ หอการค้าไทยได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือฝ่ายปกครองของจังหวัดในแต่ละพื้นที่ เข้มงวดการอนุญาตสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงมาก รวมถึงเข้มงวด ตรวจตราการจัดกิจกรรมงานรื่นเริง งานประเพณี ซึ่งแม้มีการกำหนดจำนวนคนไว้ แต่ก็อาจมีการรวมตัวและเคลื่อนย้ายคนไปร่วมงานทำให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อ พร้อมขอให้ดำเนินการลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืน รวมทั้งผู้ควบคุมดูแลอย่างจริงจังและรวดเร็ว

นอกจากนั้น ยังเสนอให้แต่ละจังหวัดมีการสื่อสารข้อมูลไปยังทุกภาคส่วน ในลักษณะ one single message ที่รวดเร็วและถูกต้อง โดยเฉพาะข้อมูลสถานการณ์การระบาดของพื้นที่ การเตรียมความพร้อมของพื้นที่ เช่น สถานที่การกักตัว และสถานที่ฉีดวัคซีน เพื่อให้เกิดความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งขอให้จังหวัดพิจารณานำงบประมาณฉุกเฉิน (งบ ผวจ.) มาใช้ในการจัดหาเครื่องตรวจ การช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ และการคัดกรองเชิงรุกประชาชนในจังหวัดได้อย่างรวดเร็ว ทันสถานการณ์

โดยผลจากการประชุม พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับข้อเสนอของหอการค้าไทยไปพิจารณา และพร้อมรับจะขับเคลื่อนภารกิจเร่งฉีดวัคซีนร่วมกัน เพื่อให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เร็วที่สุด

สำหรับความคืบหน้าของทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีนในขณะนี้ ได้มีการรวบรวมสถานที่ฉีดวัคซีนทั่วประเทศ จากภาคเอกชนจำนวน 372 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 82 แห่ง ต่างจังหวัด 290 แห่ง รวมทั้งสนับสนุนระบบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ IT ปริ้นเตอร์ เครื่องอ่านบัตร อาสาสมัคร พร้อมอาหารและน้ำดื่ม

นอกจากนั้น ยังเพิ่มหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ไปยังบริษัทและโรงงานใหญ่ ๆ ที่มีพนักงานจำนวนมาก เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของประชาชน และหลังจากนี้ จะได้นำต้นแบบของการบริหารจัดการพื้นที่เอกชนที่ร่วมกับกรุงเทพมหานคร กระจายผ่านหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัด เพื่อครอบคลุมทุกพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป