บีซีพีจี ปลื้มกำไรไตรมาสที่ 1 ปี 2564 โต 21%

บีซีพีจีเผยผลประกอบการ

บีซีพีจี ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2564 มีกำไร 489 ล้านบาท เติบโต 21.1% จากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการเดิมที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณการผลิตไฟฟ้าของโครงการใหม่เข้ามาช่วยเสริม ขณะที่รายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 18.1% จากไตรมาสที่ 1/2563

วันที่ 12 พฤษภาคม 2564 นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1% จากไตรมาสที่ 1/2563 และ EBITDA รวมอยู่ที่ 948 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.0%

บัณฑิต สะเพียรชัย

เนื่องจากมีการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากโครงการใหม่ ได้แก่ 1) โรงไฟฟ้าพลังน้ำ “Nam San 3B” ใน สปป.ลาว ที่เข้าซื้อในเดือนกุมภาพันธ์ 2563

2) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยกำลังการผลิตรวม 20 เมกกะวัตต์ จำนวน 4 โครงการ ที่เข้าซื้อในเดือนสิงหาคม 2563 รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและญี่ปุ่น และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “Nam San 3A” สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มมากขึ้นจากค่าความเข้มแสง และจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นที่ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วตามลำดับ ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 51,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 0.6 จากสิ้นปี 2563 จากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนในบริษัทร่วม และทรัพย์สินไม่มีตัวตน เนื่องจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และทรัพย์สินไม่มีตัวตน ซึ่งบางส่วนอิงสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากการแข็งค่าของเงินสกุลต่างประเทศเทียบกับสกุลเงินบาท ในระหว่างไตรมาสที่ 1/2564

“ผลงานไตรมาสแรกถือเป็นการเริ่มต้นปีที่ดีสำหรับบีซีพีจี สำหรับในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ ยังคงขยายธุรกิจดิจิทัลอย่างต่อเนื่องด้วยการร่วมลงทุน กับบริษัทสตาร์ตอัพที่มีศักยภาพ ในการพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่น (Digital Solution) ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่มากขึ้น และสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ให้ไปสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำในการให้บริการโซลูชั่นด้านพลังงานอัจฉริยะได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น”

ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน บริษัทฯ ได้มีการต่อยอดเทคโนโลยีใหม่ ๆ และขยายฐานการลงทุนไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง สร้างเสียรภาพของรายได้ และความสมดุลของประเภทโรงไฟฟ้า

ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรจาก “ทริส เรทติ้ง” ที่ระดับ A- ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือคงที่ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงรายได้ที่แน่นอนจากสินทรัพย์โรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ และสัดส่วนการลงทุนที่มีการกระจายตัวของแหล่งพลังงานที่หลากหลาย


นอกจากนี้ยังรวมถึงการสร้างรายได้จากโครงการใหม่เพื่อชดเชยรายได้จาก Adder ที่ทยอยลดลง และยังมีโครงการในมือที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นจำนวนมาก ซึ่งการได้รับเครดิตดังกล่าวจะส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้แหล่งใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยเสริมความพร้อมการลงทุนในอนาคต