ซีพีเอฟ ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบทั้งโรงงานและฟาร์มปศุสัตว์ ร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้วกว่า 575,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าในปี 2563 พร้อมใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เดินหน้าสู่ธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน
วันที่ 12 พฤษภาคม 2564 นายจารุบุตร เกิดอุดม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อมและพลังงาน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ได้มีการวางแผนบริหารจัดการธุรกิจเพื่อรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อมรอบด้าน โดยนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ราคาทองวันนี้ (17 เม.ย. 67) ปรับ 8 ครั้ง ขึ้น 450 บาท รูปพรรณบาทละ 42,150 บาท
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
โดยวางแผนระบบโลจิสติกส์ ลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร ตลอดจนการทำกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในสถานประกอบการ และดำเนินโครงการปลูกป่าพื้นที่ป่าต้นน้ำและป่าชายเลน จนทำให้ในปี 2563 สัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนคิดเป็น 26% ของการใช้พลังงานทั้งหมด ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 575,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี จากเป้าหมายบริษัทฯลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงและทางอ้อมลง 25% ในปี 2568 เทียบกับปีฐาน 2558
ทั้งนี้ การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของซีพีเอฟเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมในรูปแบบต่างๆ อาทิ พลังงานชีวมวล (Bio Mass) พลังงานชีวภาพ (Biogas) พลังงานแสงอาทิตย์ทั้งแบบติดตั้งบนหลังคาโรงงานและอาคารสำนักงาน (Solar Rooftop) และแบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm)
“ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับการเลือกประเภทของพลังงานหมุนเวียนให้เหมาะสมกับธุรกิจและสถานที่ เช่น พลังงานชีวมวล ในโรงงานอาหารสัตว์บกและสัตว์น้ำ นำวัสดุเหลือทิ้ง เช่น เศษไม้ ขี้เลื่อย ซังข้าวโพด เป็นต้น มาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนถ่านหินในหม้อไอน้ำ ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการใช้พลังงานชีวมวลทั้งหมด 1.77 ล้านกิกะจูล และตั้งเป้าหมายยกเลิกการใช้ถ่านหินในปี 2565 “
ส่วนการใช้พลังงานจากก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์และน้ำเสียนำไปบำบัดจนได้ก๊าซชีวภาพ นำไปผลิตกระแสไฟฟ้าและนำกลับไปใช้ในสถานประกอบการ มีการดำเนินการในฟาร์มสุกรทั้งหมดของบริษัทฯ คอมเพล็กซ์ไก่ไข่ทั้ง 7 แห่ง และโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูปหนองจอก และส่งเสริมเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงสุกร (คอนแทรคฟาร์มมิ่ง) 96% ดำเนินการเพื่อลดต้นทุนการผลิต และได้ขยายผลไปใช้กับกิจการในประเทศเวียดนาม ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ โรงงานอาหารแปรรูปจากเนื้อไก่โคราช นำก๊าซชีวภาพจากระบบบำบัดน้ำเสียไปใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันเตาในหม้อไอน้ำ (Steam Boiler) โดยในปี 2563 ซีพีเอฟ มีการใช้พลังงานจากก๊าซชีวภาพรวม 1.04 ล้านกิกะจูล
นอกจากนี้ ซีพีเอฟดำเนินโครงการโซล่าร์รูฟท็อปเพื่อติดตั้งแผงโซล่าร์ พีวี (Solar PV) 26 แห่ง ประกอบด้วยโรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงงานอาหารแปรรูป โรงงานอาหารสำเร็จรูปและศูนย์กระจายสินค้า โดยมีกำลังการผลิตทั้งหมดในปี 2563 จำนวน 15 เมกะวัตต์ ขณะที่บริษัทมีการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์รวม 0.02 ล้านกิกะจูล
“ซีพีเอฟมีพันธกิจในการสร้างความมั่นคงทางอาหารแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปกับการรักษาสมดุลธรรมชาติ เดินหน้าตามเป้าหมายธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน” นายจารุบุตร กล่าว
นโยบายการใช้พลังงานหมุนเวียนของซีพีเอฟ ยังตอบสนองต่อกระแสความต้องการของคู่ค้าและผู้บริโภค ที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์จากกระบวนการผลิตที่มีส่วนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งภาคธุรกิจต้องปรับกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าว