จุรินทร์ เตรียมประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก หารือฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด

การส่งออก

“จุรินทร์” เตรียมเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปกกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจของเอเปก และการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก ผ่านระบบการประชุมทางไกล วันที่ 4-5 มิ.ย.นี้ หารือแนวทางรับมือ และการฟื้นเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19

วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า วันที่ 4-5 มิ.ย. 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปกกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจของเอเปก (APEC Business Advisory Council : ABAC) ซึ่งเป็นกลุ่มภาคเอกชนจาก 21 เขตเศรษฐกิจของเอเปก และการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก ผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อร่วมกันขับเคลื่อน ร่วมกันทำงาน เพื่อฟื้นเศรษฐกิจภูมิภาคให้กลับมาขยายตัว และเติบโตได้อย่างยั่งยืนหลังวิกฤตโควิด-19

อรมน ทรัพย์ทวีธรรม
อรมน ทรัพย์ทวีธรรม

สำหรับการประชุม ABAC จะหารือในประเด็นสำคัญ เช่น การรวมกลุ่มเศรษฐกิจ การลดอุปสรรคและอำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายสินค้าจำเป็นข้ามพรมแดน ในช่วงการระบาดของโควิด-19 และการรับมือทางเศรษฐกิจต่อวิกฤตโควิด-19 เป็นต้น

ส่วนการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก จะหารือในประเด็นการฟื้นเศรษฐกิจภูมิภาคจากสถานการณ์โควิด-19 และการสนับสนุนให้ระบบการค้าพหุภาคีขององค์การการค้าโลก (WTO) เป็นกลไกให้เกิดการค้าเสรีที่เป็นธรรมและยั่งยืน โดย นางเอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา ผู้อำนวยการใหญ่ WTO จะเข้าร่วมการประชุมด้วย เพื่อรายงานความคืบหน้าการปฏิรูป WTO และการเตรียมการประชุมรัฐมนตรี WTO ครั้งที่ 12 ที่จะจัดขึ้นที่นครเจนีวาปลายปีนี้

ทั้งนี้ นิวซีแลนด์ในฐานะเจ้าภาพการประชุม ได้กำหนดให้เรื่องความร่วมมือ การทำงาน และการเติบโตไปด้วยกัน เป็นประเด็นหลักสำคัญในการขับเคลื่อนการประชุมเอเปกปีนี้

เอเปกเป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจของ 21 เขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐ แคนาดา ชิลี เปรู เม็กซิโก รัสเซีย จีน จีนฮ่องกง จีนไทเป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ปาปัวนิวกินี บูรไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม

โดยในปี 2563 การค้าระหว่างไทยกับกลุ่มเศรษฐกิจเอเปก มีมูลค่า 315 ล้านเหรียญสหรัฐ (9.8 ล้านล้านบาท) โดยไทยส่งออกไปเอเปกมูลค่า 165 ล้านเหรียญสหรัฐ (5.1 ล้านล้านบาท) และไทยนำเข้าจากเอเปกมูลค่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ (4.7 ล้านล้านบาท)