WEF ชื่นชมไทย หลังหารือรมว.พาณิชย์ เตรียมจัด Competitiveness and Inclusive Growth 20 พ.ย.นี้

WEF ชื่นชมไทยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น หลังหารือ รมว.พาณิชย์ เตรียมจัดงาน Competitiveness and Inclusive Growth 20 พ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมด้วยนางสาวรัชดา เจียสกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองปลัด กระทรวงพาณิชย์และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ ให้การต้อนรับนายจัสติน วู้ด (Mr. Justin Wood) หัวหน้าฝ่ายเอเชีย แปซิฟิก ของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum หรือ WEF) เพื่อร่วมหารือในโอกาสที่ WEF จะร่วมจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “Competitiveness and Inclusive Growth : Navigating towards Thailand 4.0” ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

การสัมมนาครั้งนี้จะเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมอง เชิงนโยบายและหารือทิศทางการพัฒนาประเทศไทยของผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิและภาควิชาการที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินงานเป็นลำดับต้นๆ เพื่อให้ไทยนำไปพิจารณาประกอบการกำหนดนโยบายการก้าวไปสู่ Thailand 4.0 พร้อมทั้งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเกณฑ์ชี้วัดใหม่ที่คาดว่า จะปรับใช้ในปี 2561 ให้แก่เจ้าหน้าที่ระดับเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์ชี้วัดของ WEF อีกด้วย

นายจัสติน วู้ด กล่าวชื่นชมประเทศไทยว่ามีความสามารถในการพัฒนาความสามารถ ทางการแข่งขันเพิ่มขึ้น โดยได้รับการจัดอันดับ Global competitiveness Index (GCI) ปี 2017 – 2018 จาก WEF ดีขึ้น จากอันดับที่ 34 เมื่อปีก่อนหน้า มาอยู่ที่อันดับที่ 32 จาก 137 ประเทศทั่วโลกในปีนี้ ซึ่งมีการพัฒนาความสามารถทางการแข่งขันเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐในการกำกับติดตามแผนงาน/โครงการการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม การเร่งรัดการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการประยุกต์ใช้นวัตกรรม และการแก้ไขและปรับลดเงื่อนไขต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค ต่อการดำเนินงานของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปภาครัฐและการสนับสนุนด้านนวัตกรรมยังจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและควรมีการปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องทันสมัยอยู่เสมอ

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ กล่าวว่าประเทศไทยและกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญการหารือกับ WEF ในประเด็นการพัฒนาสู่อุตสาหกรรมยุคที่ 4 (4th Industrial Revolution หรือ 4IR) และ Future of Production ในกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve และ New S-curve ซึ่งครอบคลุมนวัตกรรมทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ ที่จะสนับสนุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคผลิตอื่นๆ โดยกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ให้เติบโตไปด้วยกัน ประการสำคัญคือ การนำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) มาปรับใช้ในการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน บนพื้นฐานการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness) และการเติบโตอย่างทั่วถึง (Inclusive Growth) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยนายจัสติน วู้ด เห็นพ้องว่า แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีความสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานภายใต้ 4IR ของ WEF และขอเรียนรู้แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจากโครงการพระราชดำริต่างๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ประเทศไทยต้องการความสนับสนุนจาก WEF ในด้านการประเมินขีดความสามารถของไทยในการปรับตัวตามบริบทอนาคต โดยระบุประเด็นสำคัญที่ไทยต้องเร่งพัฒนาและปรับปรุง ภายใต้เกณฑ์ชี้วัดใหม่ของ WEF อาทิ ความสามารถในการปรับใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งวิเคราะห์ปัจจัยความพร้อมในมิติต่างๆ เพื่อหาแนวทางยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในอนาคต ในส่วนตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ อาทิ การเริ่มต้นธุรกิจ การค้าระหว่างประเทศ และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา นั้น กระทรวงพาณิชย์จะเร่งรัดปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป