ไฟเขียว! เอกชนนำเข้าวัคซีนลัมปีสกินอีก 3 แสนโดส กระจาย 41 จังหวัด

อธิบดีกรมปศุสัตว์ ถก คกก.แก้ไขปัญหาโรคลัมปี สกิน เร่งจัดสรรกระจายวัคซีน 60,000 โดสแรก พร้อมเปิดทางเอกชนให้นำเข้าทันที 300,000 โดส ตามกฎระเบียบกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ และการขึ้นทะเบียน ผ่านสาธารณสุข คาดมีผลสัปดาห์หน้า คุมระบาด 41 จังหวัดให้เร็วที่สุด

วันที่ 5 มิถุนายน 2564 นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวภายหลังเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาโรคลัมปี สกิน (Lumpy Skin Disease) ว่ากรมได้เน้นย้ำกำหนดหลักเกณฑ์ส่งมอบวัคซีน และกำหนดแนวทางการใช้วัคซีนตามหลักวิชาการสำหรับวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน ล็อตแรก จำนวน 60,000 โดส และ 300,000 โดส ที่จะมาในสัปดาห์หน้า พร้อมหนุนเอกชนให้นำเข้า

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคลัมปี สกิน (Lumpy Skin Disease) ในประเทศไทย เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่พบในโค กระบือ และสัตว์เคี้ยวเอื้องชนิดอื่น ๆ เพื่อให้การเฝ้าระวัง ควบคุม และกำจัดโรคลัมปี สกิน (Lumpy Skin Disease) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และทำให้ประเทศไทยปลอดจากโรคดังกล่าวนี้ให้เร็วที่สุด

ปัจจุบันการระบาดของโรคลัมปี สกิน ยังพบในพื้นที่จังหวัดเดิม ยังไม่มีมีการแพร่กระจายไปจังหวัดอื่น ๆ โดยมีรายงานการเกิดโรคแล้ว 41 จังหวัด สัตว์ป่วยจำนวน 22,112 ตัว ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้มีการตรวจยืนยันสัตว์ป่วย และรักษาสัตว์ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
คณะกรรมการฯ ได้กำหนดแนวทางพิจารณาแผนการฉีดวัคซีนควบคุมโรคและพื้นที่การฉีดวัคซีนสำหรับวัคซีนรอบที่1 (60,000 โด๊ส) ซึ่งกำหนดให้ฉีดวัคซีนในพื้นที่รัศมี 5-50 กิโลเมตรรอบจุดเกิดโรค

โดยกรมปศุสัตว์คัดเลือกพื้นที่แบ่งเป็น 2 กลุ่ม รวม 9 จังหวัด กลุ่มที่ 1 คือ จังหวัดที่มีการเกิดโรคใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ที่สัตว์ยังไม่มีการติดเชื้อในช่วงระหว่างวันที่ 22-28 พ.ค. 64 ประกอบด้วย 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา และ จังหวัดพะเยา ส่วนพื้นที่ใน กลุ่มที่ 2 คือ

จังหวัดที่มีการระบาดของโรคเพิ่มขึ้นอย่างมากในระหว่างวันที่ 22-28 พ.ค. 64 ประกอบด้วย 7 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ หนองคาย พิษณุโลก สกลนคร ขอนแก่น ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ โดยเลือกอำเภอที่เกิดโรคใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นอำเภอที่ฉีดวัคซีน ซึ่งมีหลักเกณฑ์การเลือกพื้นที่ตำบลในอำเภอที่ได้คัดเลือกแล้ว

ดังนี้ 1) ต้องเป็นตำบลที่ไม่มีการเกิดโรค 2) ไม่มีการเคลื่อนย้ายเข้าในพื้นที่ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยพิจารณาฉีดวัคซีนในสัตว์ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วย รวมทั้งต้องทำเครื่องหมายที่ตัวสัตว์ โดยการตีตราเย็นเป็นสัญลักษณ์ “x” บนไหล่ซ้าย

ทั้งนี้ ร่วมกับมาตรการควบคุมแมลงพาหะ งดการเคลื่อนย้ายโคกระบือออกจากพื้นที่ตำบลนั้น และตรวจสุขภาพ สังเกตอาการของสัตว์ทุกวัน เป็นระยะเวลา 30 วัน หลังจากฉีดวัคซีน สำหรับวัคซีนในรอบที่ 2 (300,000 โด๊ส) มีกำหนดจะจัดส่งถึงประเทศไทยในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งจะมีหลักเกณฑ์การใช้ในลักษณะเดียวกันกับการฉีดวัคซีนในรอบแรก พร้อมอำนวยความสะดวกให้กลุ่มเกษตรกร สมาคมผู้เลี้ยงสัตว์หรือจากภาคเอกชน นำเข้าวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน มาใช้ภายใต้การกำกับดูแลของกรมปศุสัตว์

อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวเพิ่มเติมว่า “คณะกรรมการฯได้มีมติว่า โรคลัมปี สกินเกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และมีการควบคุมโรคโดยการฉีดวัคซีนที่นำเข้าจากต่างประเทศ ต้องมีการขึ้นทะเบียนผ่านกระทรวงสาธารณสุข และมีการกำหนดแผนการฉีดวัคซีนต้องเป็นไปตามระเบียบกรมกรมปศุสัตว์ ว่าด้วยการฉีดวัคซีนลัมปี สกิน ในสัตว์ชนิดโค กระบือ พ.ศ.2564”

“เพื่อให้เป็นแบบแผนเดียวกัน มีความปลอดภัยต่อสัตว์และเป็นไปตามหลักวิชาการ การดำเนินการในระยะต่อไป จะมีการประเมินความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนในพื้นที่ ประเมินประสิทธิภาพความคุ้มโรคหลังจากการฉีดวัคซีน โดยใช้หลักการทางระบาดวิทยาในสุ่มเก็บตัวอย่าง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการผลิตวัคซีนในประเทศต่อไป”


ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องเกษตรกรหมั่นดูแลสุขภาพของโค-กระบือ ให้มีสุขภาพแข็งแรง หากพบสัตว์มีอาการผิดปกติ สงสัยว่าป่วยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัด หรือปศุสัตว์อำเภอในท้องที่ หรือโทรศัพท์สายด่วน 06 3225 6888 หรือทางแอพพลิเคชั่น DLD4.0 เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที