คลัสเตอร์โควิดโรงงาน-วัคซีนช้า ฉุดความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม พ.ค. ต่ำสุดรอบ 11 เดือน

ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 82.3 ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 ต่ำสุดในรอบ 11 เดือน ปัจจัยลบเพียบทั้งพบผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่ในโรงงาน ฉีดวัคซีนล่าช้า ขาดแคลนแรงงาน SMEs ขาดสภาพคล่องการเงิน

วันที่ 8 มิถุนายน 2564 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 82.3 ปรับตัวลดลงจากระดับ 84.3 ในเดือนเมษายน 2564 และต่ำที่สุดในรอบ 11 เดือน นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563

โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยมีปัจจัยลบจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ยังไม่คลี่คลายและยังเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต ขณะที่การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนยังมีความล่าช้า และภาครัฐมีการยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังชะลอตัวและอุปสงค์ในประเทศยังฟื้นตัวช้า

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังเผชิญกับปัญหาต้นทุนประกอบการปรับตัวสูงขึ้น ทั้งราคาวัตถุดิบและราคาน้ำมันรวมถึงปัญหาขาดแคลนแรงงาน ขณะเดียวกันผู้ประกอบการ SMEs ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินและขาดเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ในด้านการส่งออกยังมีปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และอัตราค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงปัญหาการขาดแคลนชิปอิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรม ยานยนต์และไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ผ่านโครงการเราชนะ ม.33 เรารักกัน และเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยสนับสนุนกำลังซื้อในประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มคลี่คลายและเริ่มทยอยเปิดเมือง โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐและจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากความสามารถในการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดี และความคืบหน้าในการกระจายวัคซีนให้กับประชาชน รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ทำให้การส่งออกของไทยได้รับอานิสงค์มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 92.8 จากระดับ 91.8 ในเดือนเมษายน 2564 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความคืบหน้าในการกระจายวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่และควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ให้คลี่คลายลง ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่องรวมทั้งการลงทุนของภาครัฐ และการขยายตัวของการส่งออกจะช่วยสนับสนุนให้ภาวะเศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม เอกชนยังมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ด้วยการให้เร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และเร่งกระจายวัคซีนให้กับประชาชนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็วที่สุด ออกมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งลดเงื่อนไขและข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อ
ออกมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ และค่าสาธารณูปโภค 30% เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เร่งแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น อาทิ ภาคก่อสร้าง อุตสาหกรรมอาหาร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น รวมทั้งส่งเสริมการจ้างงานโดยเชื่อมโยงอุปสงค์และอุปทานด้านแรงงาน