ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม พ.ค. พุ่ง 25.84% สูงสุดในรอบ 5 ปี

ภาพ pixabay

สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 100.47 เพิ่มขึ้น 25.84% ทั้งอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เหล็ก เคมีภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ และบรรจุภัณฑ์กระดาษ ผลจากคำสั่งซื้อ-ส่งออกต่างประเทศฟื้น

วันที่ 28 มิถุนายน 2564 นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม 2564 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 25.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมานับว่าสูงที่สุดในรอบ 5 ปี โดยในภาพรวม 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม) ของปี 2564 ภาคการผลิตไทยเริ่มฟื้นตัวซึ่งสะท้อนจาก MPI ที่อยู่ในระดับ 100.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 ที่ MPI อยู่ในระดับ 93.3 เป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการผลิต และเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดการระบาดโควิด โดยช่วง 5 เดือนแรกปี 2562 MPI อยู่ในระดับ 106.4

ทั้งนี้ ส่วนการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัว 60.72% สินค้าที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เป็นต้น

อีกทั้ง ยังพบว่าการผลิตบางกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมมีระดับค่า MPI ในภาพรวม 5 เดือนแรกของปี 2564 ปรับตัวสูงกว่าภาพรวม 5 เดือนแรกของปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ไม่มีการระบาดโควิด-19 อาทิ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์กระดาษ

นอกจากนี้ การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2564 ขยายตัวเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยการผลิตของอุตสาหกรรมหลักที่ขยายตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นผลจากการปิดโรงงานในปีก่อน ในปีนี้การผลิตกลับมาเป็นปกติและส่งออกดีขึ้นจึงส่งผลให้การผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก และส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ยางล้อขยายตัวตามไปด้วย

ด้านอุตสาหกรรมเหล็กขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลกอย่างจีนลดปริมาณการผลิตเพื่อควบคุมปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวตามไลฟ์สไตล์การทำงานที่บ้านและการอาศัยในที่พักมากขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางที่เติบโตตามความต้องการใช้งานทางการแพทย์ และเมื่อดูตัวเลขการนำเข้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป(ไม่รวมทองคำ) เพื่อมาผลิตสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในแง่มูลค่าและปริมาณได้ขยายตัวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้ประกอบการ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าตัวเลข MPI ในเดือนถัดไปจะมีแนวโน้มทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่มีดัชนีผลผลิตที่ส่งผลบวกขยายตัวในเดือนพฤษภาคม 2564 รถยนต์และเครื่องยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 151.44% จากทุกสินค้าโดยเฉพาะรถบรรทุกปิกอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็กและเครื่องยนต์ดีเซล เนื่องจากปีก่อนอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกแรก ซึ่งผู้ผลิตต้องปรับลดการผลิตลงหรือหยุดการผลิตชั่วคราว เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 90.25% จากเครื่องปรับอากาศเป็นหลัก ซึ่งผู้ผลิตได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สามารถประหยัดพลังงานและกรองอากาศจากฝุ่นและเชื้อโรคได้ซึ่งตอบสนองและจูงใจผู้บริโภค รวมทั้งตลาดส่งออกไปยังออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และเวียดนามที่เติบโตขึ้นอย่างมาก

หลังประสบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และเรือขนส่งสินค้าในเดือนก่อน แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 35.35% ตามความต้องการของตลาดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของโลกที่มีทิศทางเพิ่มขึ้น จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และมีความต้องการใช้ในหลากหลายผลิตภัณฑ์มากขึ้น

เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 40.28% จากเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กเส้นข้ออ้อย และเหล็กลวดเป็นหลัก ตามความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เติบโตได้มากขึ้นหลังจากชะลอตัวตามสถานการณ์โควิด-19 จากมาตรการล็อกดาวน์และหยุดผลิตชั่วคราวของผู้ผลิตอุตสาหกรรมปลายน้ำในช่วงปีก่อน

ยางรถยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 167.86% จากยางนอกรถยนต์นั่ง ยางนอกรถบรรทุกรถโดยสาร และยางนอกรถกระบะ โดยเป็นการขยายตัวเนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องขยายตัวในระดับสูง ประกอบกับฐานต่ำในปีก่อน รวมถึงปีนี้ผู้ผลิตมีการปรับลดราคาสินค้าเพื่อกระตุ้นตลาดด้วย