“บางจาก”ผนึก 11 องค์กร ประเดิมซื้อขายคาร์บอน

รับกระแสพลังงานสะอาด “บางจาก” ผนึก 11 บิ๊กธุรกิจ ตั้ง “Carbon Markets Club” ซื้อขายคาร์บอนขึ้นครั้งแรกในไทย กฟผ.-บีซีพีจีประเดิมเทรด 2,564 ตัน

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดให้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) รูปแบบออนไลน์

เพื่อจัดตั้งเครือข่าย Carbon Markets Club ร่วมกับพันธมิตร 11 หน่วยงานที่ถือเป็นสมาชิกตั้งต้น หรือ founding members เพื่อเตรียมตัวรับมือกับความท้าทายและโอกาสทางการค้าในรูปแบบใหม่ ๆ หลังจากประเทศต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานสีเขียวหรือพลังงานสะอาด

ทำให้องค์กรที่มีรายได้จากอุตสาหกรรมหนักหรือที่ใช้พลังงานฟอสซิลต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นผ่านการซื้อขายคาร์บอนหรือการจ่ายภาษีทางอ้อม เพื่อนำเงินที่ได้ไปพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งนำมาสู่การออกมาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (nontariff barriers) อย่างเช่น สหภาพยุโรปใช้มาตรการ European Green Deal เพื่อเป็นทุนในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน

“Carbon Markets Club จะร่วมกันลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำธุรกิจผ่านการซื้อขายคาร์บอน พร้อมทั้งช่วยกันสนับสนุน เผยแพร่ ส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนไม่ว่าจะเป็นคาร์บอนเครดิตในระบบ T-VER โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (REC)”

ในวันแรกหลังการลงนามได้มีการซื้อขายคาร์บอนรวม 2,564 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ (tCO2e) เทียบได้กับการปลูกต้นไม้ใหญ่ 298,140 ต้น หรือ 1,491 ไร่ ซึ่งผู้ขายคาร์บอนเครดิต คือ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)และผู้ขายเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งจะนำรายได้ไปทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมต่อไป

โดยในส่วนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมพัฒนาการซื้อขายจากรูปแบบซื้อขายกันโดยตรง (over the counter) ไปสู่การซื้อขาย platform ระบบดิจิทัลเพื่อความรวดเร็วและทันสมัย รองรับตั้งแต่การทำ e-Registration กับหน่วยงานผู้ขึ้นทะเบียนและให้การรับรอง ไปจนถึงการทำ e-Carbon trading และนำ blockchain มาใช้ในการซื้อขายสู่การทำธุรกรรมทางการเงินแบบกระจายศูนย์ หรือที่เรียกกันว่า DeFi หรือ decentralized finance ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่และนักธุรกิจด้วย

สำหรับสมาชิก 11 ราย ได้แก่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด


บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)