“ศรแดง” ปลื้มยอดขายพุ่ง 14% ฉลอง 35 ปี ชูเมล็ดผักสายพันธุ์ใหม่โตเร็ว

บิ๊กศรแดง “ปลื้มยอดขายเมล็ดพันธุ์ผักปีนี้พุ่ง 12-14% ยังครองมาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่งเหนียวแน่น ตั้งเป้าปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 10% เข็นเมล็ดพันธุ์พริก แตงกวา เมลอน แตงโมสายพันธุ์ใหม่ออกสู่ตลาด พร้อมจัดกิจกรรมครบรอบ 35 ปีจัดงาน “อีสท์ เวสท์ ซีด ฟิลด์เดย์ 2017” ใกล้กรุง ตอกย้ำความเป็นผู้นำ

นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ผักตรา “ศรแดง” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ว่า คาดว่าจะมียอดขายเติบโต 12-14% เมื่อเทียบกับปี 2559 หรือมียอดขายประมาณ 1,200 ล้านบาท จากยอดขายรวมเมล็ดพันธุ์ผักทุกบริษัทในประเทศไทยประมาณ 2,200-2,300 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2561 เพิ่มไม่ต่ำกว่า 10% โดยจะมีการออกเมล็ดพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ประมาณ 5-6 ชนิดเหมือนเช่นทุกปี โดยจุดเด่นที่จะนำออกมาสู้กับคู่แข่ง จะเน้นผลผลิตเพิ่ม คุณภาพดีขึ้น ต้านทานโรคได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ เมล็ดพันธุ์ผักสายพันธุ์ใหม่ ได้แก่ 1.พริกขี้หนูสวน จากปกติที่ขายในตลาด ขณะนี้จะมีความยาว 5-6 ซม. พันธุ์ใหม่จะมีความยาวมากขึ้นเป็น 6-8 ซม. ขนาดของผลพริกใหญ่ขึ้นเพื่อจูงใจ

ผู้บริโภคซื้อและน้ำหนักเพิ่มขึ้น ทำให้เกษตรกรผู้ผลิตขายได้ในราคาสูงขึ้น 2.แตงกวาผลผลิตจะออกผลเร็วขึ้นจากเดิม 35 วัน เหลือ 30 วัน ทำให้ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน ปุ๋ยสารเคมี

กำจัดศัตรูพืชลงไปได้พอสมควร 3.เมลอน จะนำออกสู่ตลาด 2 สายพันธุ์ จุดเด่นคือ เนื้อสีขาวเหมือนไข่ไดโนเสาร์ ส่วนสายพันธุ์ใหม่อื่น ๆ ที่จะนำออกสู่ตลาดอาจจะมีแตงโมพันธุ์ใหม่เพิ่มด้วย

ส่วนกรณีที่ขณะนี้กรมวิชาการเกษตรจะเสนอปรับปรุง พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืชใหม่นั้น นายวิชัยกล่าวว่าเห็นด้วย เพราะเป็นการสนับสนุนเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน นักวิชาการและบริษัทเอกชน มาเป็นนักปรับปรุงพันธุ์พืชออกสู่ตลาดมากขึ้น และได้รับการคุ้มครองยาวนานขึ้นกว่าเดิม เพราะพืชหลายชนิดต้องใช้เวลาและทุนทรัพย์ในการวิจัยค่อนข้างนาน อย่างเช่น มะระของ บริษัทลายหยดน้ำ ต้องใช้เวลาวิจัยนานถึง 8 ปี และการนำออกมาจำหน่าย ต้องใช้เวลาและการโฆษณาอีกหลายปีกว่าจะติดตลาด ที่มีการกล่าวว่า จะขายแพงขึ้นนั้น กลไกตลาดจะปรับตัวเอง ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทใหญ่ผลิตเมล็ดพันธุ์กว่า 10 บริษัท และบริษัทขนาดเล็กอีกกว่า 300 บริษัท การขายแพงเกินไปจึงเป็นไปได้ยาก

นายวิชัยกล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทดำเนินกิจการในไทยครบรอบ 35 ปี เพื่อเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดเมล็ดพันธุ์ผักเขตร้อนในกลุ่มประเทศอาเซียน บริษัทจะมีการจัดกิจกรรมฉลอง โดยจัดงาน “อีสท์ เวสท์ ซีด ฟิลด์เดย์ 2017 35 ปี เพาะด้วยใจให้ยั่งยืน” ขึ้น บนพื้นที่ 20 ไร่ ด้านหลังบริษัทติดถนนไทรน้อย กม.20 มีการโชว์พันธุ์พืชผัก

ดอกไม้กว่า 200 สายพันธุ์ แบ่งออกเป็น 5 โซน คือ 1.โซนผักพื้นบ้านของไทย 2.โซนสวยงามกับดาวเรืองหลากสี 3.โซนนวัตกรรม ชมการปรับปรุงพันธุ์ผัก การตัดแต่งกิ่ง พริก ฟักทอง แตงโม เมลอน ต่างกันอย่างไร 4.โซนสวนเพื่อการค้า เช่น ข้าวโพด คะน้า ผักใบ และ 5.โซนแสดงนิทรรศการเกษตรกรปลูกผัก ขายผักอย่างไร และกว่าจะมาเป็นเมล็ดพันธุ์ผักต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้าง

โดยสิ่งที่น่าสนใจในนิทรรศการครั้งนี้ ได้แก่ “อุโมงค์ผักที่ยาวที่สุดในประเทศไทย” มีการรวบรวมพันธุ์ผักประเภทไม้เลื้อยต่าง ๆ เช่น ฟักทองรูปน้ำเต้าหรือบัตเตอร์นัต แฟงชนิดต่าง ๆ บวบหลากหลายสายพันธุ์ และชม

“สวนผักพื้นบ้านไทยที่บางชนิดอาจจะใกล้สูญหายไปจากสังคมแล้ว เช่น ถั่วฝักยาวไร้ค้าง ถั่วแปบสีม่วง ตามด้วยแปลงดาวเรืองหลากสี ทั้งพันธุ์ตัดดอกเพื่อการค้าและพันธุ์ปลูกประดับ”

นอกจากนี้ยังมี “พืชโรงเรือน” โดยเฉพาะเมลอนและมะเขือเทศเชอรี่ สามารถชมและศึกษาการทำพืชโรงเรือนแบบมืออาชีพได้เลย ทั้งยังมี “แปลงผักเพื่อการค้าหลากหลายชนิด” อาทิ ข้าวโพดหวาน ข้าวโพด ข้าวโพดข้าวเหนียวหลากหลายสีสันที่บริษัทมีมาร์เก็ตแชร์สูงถึง 80% และผักสายพันธุ์การค้าต่าง ๆ ให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจทั่วไปได้ศึกษานำความรู้ไปใช้ในการทำไร่ สวนของตนเองได้ ทั้งนี้ บริษัทจะเริ่มเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชมงานนี้วันที่ 18-19 พ.ย.ศกนี้