สภาผู้ส่งออกเผยการส่งออกทั้งปีโอกาสโต 7% โดยรัฐต้องเร่งกระจายฉีดวัคซีน คุมการระบาด พร้อมเปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าวเข้าถึงวัคซีนด้วย
วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.คาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2564 เติบโตมากกว่า 7% โดยการส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนจากนี้อยู่ที่ 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีโอกาสเติบโตถึง 10% โดยส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกันนี้หากต้องการส่งออกทั้งปีอยู่ที่ 15% การส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนจากนี้อยู่ที่ 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โอกาสอาจจะน้อยเนื่องจากต้องมีหลายปัจจัยประกอบกับผู้ส่งออกต้องผลักดันการส่งออกอย่างเต็มที่
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ทั้งนี้ การส่งออกจะโตได้ต้องมีปัจจัยบวกที่สนับสนุน ได้แก่ 1) การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก ประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ สหรัฐ จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น จากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายตามปกติ
2) ค่าเงินบาทที่เคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า 3) ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงถึงระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรจากแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลกโดยเฉพาะยุโรปและสหรัฐ ที่เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ทั่วโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่กระทบ ได้แก่ 1) แรงงานขาดแคลน เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวทำให้ความต้องการแรงงานในกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้น แรงงานต่างด้าวเดินทางกลับประเทศและยังไม่ได้เดินทางกลับเข้ามาจากการปิดประเทศ ประกอบกับปัจจุบันจำนวนวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ยังไม่สามารถจัดสรรให้เพียงพอกับจำนวนแรงงานในภาคการผลิตเท่าที่ควร ยิ่งซ้ำเติมปัญหาการขาดแคลนแรงงานให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น
2) สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่มีความรุนแรงในประเทศ อาทิ กรณีคลัสเตอร์การระบาดในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศ เริ่มส่งกระทบต่อกระบวนการผลิตที่ต้องหยุดชะงักชั่วคราวและการเลื่อนส่งมอบสินค้าไปยังประเทศปลายทาง 3) ปริมาณปัจจัยการผลิตที่ไม่เพียงพอและมีต้นทุนเพื่มสูงขึ้น
4) ปัญหาตู้สินค้าขาดแคลนและอัตราค่าระวางที่ทรงตัวในระดับสูง ทั้งนี้ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย วิงวอนให้รัฐบาลดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อเร่งฉีดวัคซีคให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะแรงงานภาคการผลิตให้เร็วที่สุด เนื่องจากวัคซีนเป็นเครื่องป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเดียวที่สามารถช่วยภาคการส่งออกและภาคการผลิตซึ่งเป็นซัพพลายเชนของการส่งออก ซึ่งเป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจเดียวที่ยังเดินหน้าต่อไปได้ให้สามารถฟื้นตัวและสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศให้ยังอยู่รอดได้ต่อไป
นายสุภาพ สุวรรณพิมลกุล รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ต้องการให้แรงงานต่างด้าวเข้าถึงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะเป็นกลุ่มสำคัญเช่นกัน พร้อมกันนี้ ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐเร่งควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อรวมไปถึงการเร่งฉีดวัคซีน เพราะเศรษฐกิจไทยที่ขับเคลื่อนได้ในขณะนี้คือภาคของการส่งออก โดยอุตสาหกรรมที่ยังคงเติบโตได้ เช่น ยางพาราและผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น และก็คาดหวังการอ่อนค่าของเงินบาทจะช่วยให้การส่งออกเติบโต