อคส.เชิญ11ผู้ประกอบการที่ชนะการประมูลข้าวสารในสต๊อกเข้าสู่อุตฯที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ประชุมชี้แจง

อคส.เชิญ 11 ผู้ประกอบการที่ชนะการประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 2 /2560 ประชุมชี้แจงเงื่อนไขสัญญาและมาตรการควบคุมการขนย้ายข้าวสาร ก่อนลงนามในสัญญา ปริมาณ 503,682.311528 ตัน มูลค่า 2,509,907,255.47 บาท

พลตำรวจโท ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 13.30 น. ได้ เชิญผู้ประกอบการที่ชนะการประมูลข้าวสารในสต็อคของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 2/2560 จำนวน 11 ราย ได้แก่ บจก.วี.ซี.เอฟ.กรุ๊ป/บจก.กาญจนาอาหารสัตว์/บจก.มหาทรัพย์ฟีด/บจก.เอส.พี.เอ็ม.อาหารสัตว์/หจก.โรงสีทรัพย์แสงทอง 2550/บจก.จิชัย โปรดิวซ์ /บจก.เอพีเอ็มอะโกร/บมจ.พี.เอส.ซี.สตาร์ซ โปรดักส์/บจก.เชียงรายกิจศิริไซโล 1995 /หจก.เฮงเพิ่มพูน /บุรีรัมย์สหสินข้าวไทย
โดยมี นางอินทรา โภคปุณยารักษ์ ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ อคส.ที่ในส่วนที่กี่ยวข้อง รวมทั้งเชิญผู้แทนจากหน่วยงานได้แก่ อตก. / กรมวิชาการเกษตร / กระทรวงอุตสาหกรรม /คสช. /สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการตำรวจทางหลวงเข้าร่วมประชุม เพื่อชี้แจงเงื่อนไขสัญญา และวางมาตรการในการควบคุมในการขนย้ายออกจากคลังสินค้าต้นทางไปยังคลังสินค้าปลายทาง ก่อนลงนามในสัญญา และลงพื้นที่ตรวจสอบคลังสินค้าปลายทางต่อไป


ทั้งนี้ได้กำหนดขั้นตอนและมาตรการในการควบคุมการขนย้ายข้าวออกจากคลังสินค้าต้นทางไปจนถึงคลังสินค้าปลายทางที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมของผู้ชนะการประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐจำนวน 57 คลัง ใน 23 จังหวัด ตามที่ กรมการค้าต่างประเทศ เปิดประมูลข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภค เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา โดยได้มอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลการดำเนินการระบายข้าวสารในสต็อคของรัฐเพื่อการบริโภคเป็นการทั่วไปและการระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมซึ่งมี นางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า เป็นประธานกรรมการ และผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ อคส.และผู้แทนจากหน่วยงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อม ก่อนลงนามในสัญญา สำหรับคลังสินค้าที่ปลายทาง จะต้องติดตั้งกล้อง CCTV และต้องรายงานข้อมูลสินค้า ผ่านเว็บไซต์ www.pwo.co.th เพื่อรายงานให้เจ้าหน้าที่ อคส.รับทราบ และเมื่อขนย้ายข้าวถึงสถานที่ปลายทางแล้ว อคส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสุ่มตรวจปริมาณข้าว อีกครั้งว่าตรงตามปริมาณการขนย้ายหรือไม่ หาก อคส.ตรวจพบว่าผู้ซื้อไม่นำเข้าสารเข้าสู่กระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมตามที่ได้แจ้งไว้ในวัตถุประสงค์ที่ขอซื้อจะต้องชำระค่าปรับ 25% ของมูลค่าข้าวสารที่ไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการอุตสาหกรรม และหาก อคส.เลิกสัญญา ผู้ซื้อจะต้องเสียค่าปรับ 25% ของมูลค่าปริมาณข้าวสารที่ยังไม่ได้รับมอบและขนย้าย รวมทั้งจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งทางแพ่งและอาญาด้วย ในการกำหนดขั้นตอนและมาตรการการควบคุม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้