7 ข้อเท็จจริง “ปัญหาข้าวโพดอาหารสัตว์”

7 ข้อเท็จจริง “ปัญหาข้าวโพดอาหารสัตว์”

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา สมาคมการค้าพืชไร่ เปิดเผย บทความ “ผู้ผลิตอาหารสัตว์ตีแผ่ข้อเท็จจริง ‘ข้าวโพดอาหารสัตว์’ ที่คนไทยควรรู้” เป็นการโยนบาปให้พ่อค้าคนกลาง

1.อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐที่ปล่อยให้มีการส่งออกวัตถุดิบเสรี แต่ควบคุมการนำเข้า

ข้อเท็จจริง : ก่อนปี 2556 ได้มีการขอลดอากรนำเข้าธัญพืชอาหารสัตว์ทดแทนหลายรายการจากกลุ่มธุรกิจ โดยมีทีมงานกลุ่มผลประโยชน์ล็อบบี้เพื่อการลดภาษีนำเข้าอย่างเป็นระบบจนมีนโยบายลดภาษีนำเข้าข้าวสาลีอาหารสัตว์เหลือ 0% และภาษีนำเข้าธัญพืชอื่น ๆ ลดลงในระดับต่ำมาก จนมีต้นทุนการนำเข้าที่ธัญพืชอาหารสัตว์ทดแทนต่ำมาก ทำให้กลุ่มผู้นำเข้าได้ผลประโยชน์นั้นโดยตรงจนกระทบถึงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรไทยอย่างรุนแรงในปี 2559 และการลดอากรนำเข้าดังกล่าวสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในประเทศให้กับกลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ แต่กลับทำร้ายลดศักยภาพการแข่งขันในการขายอาหารสัตว์และเนื้อสัตว์ในประเทศของผู้ผลิตอาหารสัตว์และเลี้ยงสัตว์รายย่อย ทั้งที่การบริโภคเนื้อสัตว์ภายในประเทศมากกว่าส่งออก

2.มีการประกันรายได้ถึง 2 ชั้น เอื้อพ่อค้าคนกลาง

ข้อเท็จจริง ช่วงฤดูกาล 2559/2560 มีการนำเข้าข้าวสาลีอาหารสัตว์ราคาถูกเข้ามาใช้และทุ่มแย่งตลาดเกษตรไทยเพิ่มมากถึง 3.4 ล้านตัน จนกระทบต่อตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรไทยอย่างรุนแรง และเกิดอุปสรรคในระบบการค้าข้าวโพดอย่างหนัก จนทำให้เกษตรกรต้องออกมาเรียกร้องจนรัฐบาลต้องขอร้องให้กลุ่มผู้ผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซื้อข้าวโพดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในราคากิโลกรัมละ 8 บาท ต่อจากนั้นก็ออกมาตรการ 3:1 ออกมาปกป้องเกษตรกรไทย

หลังจากนั้นก็มีการนำเข้ากากข้าวโพด (DDGS ขยะอุตสาหกรรมเอทานอล) และข้าวบาร์เลย์อาหารสัตว์เข้ามามากขึ้นเพื่อเลี่ยงมาตรการ 3:1จนทำให้วัตถุดิบอาหารสัตว์ในปี 2564 มีมากกว่าปริมาณที่อ้างว่าต้องการใช้ ไม่ใช่เพราะการมองแต่ผลประโยชน์หรือ จึงต้องทำให้รัฐต้องออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อปกป้องเกษตรกร

3.ว่านโยบายภาครัฐ ปล่อยให้มีการส่งออกวัตถุดิบเสรี แต่ควบคุมการนำเข้า

ข้อเท็จจริง    มีการอ้างว่าธัญพืชวัตถุดิบไทยไม่พอใช้ ดังนั้นไม่ควรนำมาประเด็นนี้มาอ้าง รวมถึงความเป็นจริงธัญพืชวัตถุดิบไทยไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ เพราะขาดการพัฒนาเพิ่มศักยภาพการปลูกพืชวัตถุดิบไทยอย่างจริงจัง การที่ภาครัฐควบคุมการนำเข้าเพื่อปกป้องเกษตรกรคนไทยเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ลืมไปแล้วหรือว่าเกษตรกรคนไทยก็คือคนชาติเดียวกัน และเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทสมาชิกในสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ และไม่ลืมว่าภาครัฐก็ปกป้องธุรกิจเลี้ยงสัตว์ไทยอย่างเข้มข้นมากกว่าปกป้องเกษตรกรผู้ปลูกธัญพืชวัตถุดิบไทย

4.ผู้ผลิตทำตามนโยบายรัฐบาล รับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองทุกเมล็ดในราคา 19.75 บาท

ข้อเท็จจริง อดีตถั่วเหลืองเป็นอาชีพทางเลือกหนึ่งในการปลูกพืชไร่ แต่ปัจจุบันการปลูกถั่วเหลืองอาหารสัตว์เลิกไปในหลายจังหวัดเหลือน้อยมาก การทวงบุญคุณอ้างทำตามนโยบายแรกกับการที่ภาครัฐยอมลดภาษีข้าวสาลี 0 เปอร์เซ็นต์และธัญพืชอาหารสัตว์อื่นต่ำลงมากยังไม่คุ้มทางธุรกิจอีกหรือ หรืออยากจะให้เกษตรกรต้องเลิกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เหลือปริมาณเท่ากับการปลูกถั่วเหลือง

5.มาตรการซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไม่ต่ำกว่า 8 บาท การจำกัดเวลานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมาตรการนำเข้าข้าวสาลี 3 : 1 ส่วน ทำให้ราคาข้าวโพดไทยสูงกว่าราคาตลาดโลกมาตลอด จึงกล่าวได้ว่า ราคาข้าวโพดไทยไม่เคยอิงราคาตลาดโลก

ข้อเท็จจริง ถูกต้องแล้วเพราะอำนาจการกำหนดราคาและเงื่อนไขการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไทยอยู่ที่ผู้ซื้อใช้ปลายทาง ยิ่งมีการนำเข้าข้าวสาลีอาหารสัตว์ กากข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์อาหารสัตว์เข้ามารวมกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นำเข้าจากพม่า ลาว เขมร และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไทยทำให้วัตถุดิบมีใช้อย่างเพียงพอยิ่งทำให้อำนาจการกำหนดราคาและเงื่อนไขการซื้อเป็นของผู้ซื้อใช้รายใหญ่มากขึ้น

6.ประกันราคาข้าวโพด 2 ชั้น ใครได้ประโยชน์

ข้อเท็จจริง มาตรการต่าง ๆ เพื่อปกป้องเกษตรกรไทยที่เกิดขึ้น สาเหตุเกิดจากกลุ่มผลประโยชน์ขอลดภาษีอากรนำเข้าธัญพืชวัตถุดิบ ทำให้มีการนำเข้ามาจนมีผลกระทบต่อเกษตรกรไทย ไม่ใช้เกิดจากกลุ่มพ่อค้าคนกลาง ถ้าหากภาครัฐไม่มีการลดภาษีนำเข้าธัญพืชอาหารสัตว์ ทำให้กลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์มาใช้ข้าวเปลือกไทย ทดแทนข้าวสาลีและข้าบาร์เลย์อาหารสัตว์ทั้งเปลือก ร่วมกับการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลังไทย เกษตรกรไทยจะกินดีอยู่ดีมีกำลังซื้อก่อให้เกิดการกระจายรายได้การหมุนทางเศรษฐกิจได้ดีกว่านี้ และรัฐบาลก็ไม่ต้องมาใช้เงินอุดหนุนช่วยเกษตรกร

ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์เต็มไปด้วยคนมีความรู้ คนเก่งที่สามารถปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้แข่งขันได้ สรุปได้ว่าการลดภาษีแล้วมาประกันราคาข้าวโพด 2 ชั้น เพื่อปกป้องการลดภาษีอากรนำเข้าธัญพืชอาหารสัตว์ทดแทนมากกว่า และประชาชนคนไทยรู้หรือว่าปัจจุบันกินเนื้อสัตว์ไทยที่ปนเปื้อนวัตถุดิบต่างชาติถึง 60% (จากการให้ข้อมูลของนายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ว่าพึ่งวัตถุดิบต่างชาติ 60%)

7.พ่อค้าคนกลางซื้อข้าวโพดที่ต่ำลงเพราะมีการประกันรายได้

ข้อเท็จจริง ปัจจุบันมีพ่อค้ารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รายเดิมและเกิดขึ้นใหม่จำนวนมากทำให้เกิดการแข่งขันการรับซื้อสูง มีผลดีกับเกษตรกรบางช่วงซื้อแพงกว่าหน้าโรงงานอาหารสัตว์บางแห่งด้วยซ้ำ ไม่สนใจหรอกว่ารัฐจะมีประกันรายได้หรือไม่ อย่าลืมว่าอำนาจกำหนดราคารับซื้อปลายทางคือใคร สำหรับที่สมาคมอาหารสัตว์นำเสนอราคาการรับซื้อของกลุ่มพ่อค้าคนกลาง เหมือนพ่อค้าคนกลางกำไรดีมากน่าจะเป็นข้อมูลราคาจากภาครัฐเพื่ออยากช่วยเหลือเกษตรกร เพราะต้นทุนผลผลิตของเกษตรกรสูงจริง ถ้าพ่อค้าคนกลางกำไรดีกดราคาขนาดนั้น เกษตรกรก็คงไปขายให้กับโรงงานอาหารสัตว์โดยตรงแล้วเพราะปัจจุบันโรงงานอาหารสัตว์ก็เปิดรับซื้อโดยตรงกับเกษตรกรด้วย

ทั้งยังมีการมาตั้งจุดรับซื้อจากเกษตรกรในพื้นที่ด้วยและก็ไม่ได้ตั้งราคาซื้อสูงกว่าการรับซื้อของพ่อค้าคนกลางในพื้นที่  ทั้งที่โรงงานที่มาตั้งจุดรับซื้อซื้อหน้าโรงงานสูงกว่าโรงงานอาหารสัตว์หลายโรงหรือโรงงานที่เป็นของรายอื่น ภาพละครมักชอบโยนบาปให้พ่อค้าคนกลางเพื่อภาพที่ดีของกลุ่มตนเองทั้งที่กลุ่มตนมีโอกาสได้ผลประโยชน์ทั้งในและนอกระบบจากการนำเข้าธัญพืชทดแทนสูงจนสร้างความร่ำรวยได้ อย่าโยนบาปให้คนอื่นสร้างความร่ำรวยให้กลุ่มตนแล้วทำร้ายเกษตรกรไทยเลย

ความจริงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา ข้าวโพดที่ไปขายให้โรงงานอาหารสัตว์ส่วนใหญ่เป็นข้าวโพดนำเข้าจากประเทศพม่ามากกว่าจากเกษตรกรไทย และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่นำเข้าจากพม่า ลาว และเขมรก็นำเข้ามารวมอยู่ในมาตรการซื้อข้าวสาลี 3:1 กับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไทย ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ขึ้นมาในช่วงนี้ เนื่องจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากพม่าเริ่มลดลงในสต๊อกพ่อค้าส่วนใหญ่น้อยมากที่เก็บไว้ก็เพื่อขายรอส่งมอบกับข้อตกลงขายล่วงหน้าไว้

ดังนั้นการขึ้นราคาปัจจุบันจึงเป็นผลประโยชน์ของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่มากกว่าเพราะอาจจะขอขึ้นราคาอาหารสัตว์ได้ พอข้าวโพดในประเทศแพงขึ้นถือโอกาสขายข้าวบาร์เลย์ กากข้าวโพด (DDGS) และวัตถุดิบทดแทนอื่น ๆ ให้กับโรงงานอาหารสัตว์รายอื่น โรงงานอาหารสัตว์ระดับกลางหรือเล็กได้  การที่สมาคมการค้าพืชไร่เรียกร้องเพราะต้องการให้ราคาข้าวโพดในช่วงที่เกษตรกรออกในฤดูกาลต่อไปไม่ถูกกดราคาจากผู้กำหนดราคาและเงื่อนไขทางการค้า ไม่ได้ต้องการให้ราคาสูงในช่วงที่เกษตรกรไม่มีข้าวโพดขาย