สมาพันธ์ SME จี้รัฐจ่ายเยียวยาใน 3 วัน น้ำ-ไฟฟรี 3 เดือน พักหนี้ถึงสิ้นปี

เงินบาท
REUTERS/Athit Perawongmetha/File Photo

โควิดลากยาว “เอสเอ็มอี” ขาดความเชื่อมั่นรัฐบาล NPL ทะลัก “สมาพันธ์ SME ไทย” จี้รัฐเร่งจ่ายเยียวยาใน 3 วัน พร้อมอัดมาตรการน้ำ-ไฟฟรี 3 เดือนช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ยืดเวลาพักหนี้ทั้งต้น-ดอกเบี้ยจาก 2 เดือน ยาวถึงสิ้นปี ลดดอกเบี้ยเอสเอ็มอี 3% 

วันที่ 18 กรกฎาคม 2564 นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ SME ไทย เปิดเผย ”ประชาชาติธุรกิจ” ว่าขณะนี้ประชาชนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขาดความเชื่อมั่นรัฐบาล ทั้งทางความปลอดภัย สุขภาพ และเศรษฐกิจ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 เรื้อรังที่ยาวนานตั้งแต่ ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน 

แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาล และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพยายามเร่งตรวจ คัดแยก รักษา และฉีดวัคซีนให้ถึงประชาชนแล้ว เพียงแต่ยังมีการบริหารจัดการที่ไม่บูรณาการที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ทางสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เข้าใจ ขอชื่นชม ขอบคุณรัฐบาลและภาครัฐที่ทำงานอย่างหนักออกมาตรการช่วยเหลือ SME และประชาชนได้ดียิ่งขึ้น 

สำหรับรูปแบบการเยียวยาของระบบประกันสังคมดีมาก ในเรื่องขยายการครอบคลุม 9 กลุ่มกิจการที่มากขึ้น ต้องขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงแรงงานที่มีการดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและแรงงานอย่างชัดเจนมากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องการเสนอแนวทางเพิ่มเติม คือ การเร่งจ่ายให้ถึงมือผู้ประกอบการ และผู้ประกันตน ทั้งมาตรา 33 39 และ 40 อย่างรวดเร็วภายใน 3 วัน 

พร้อมขยายระยะเวลาการช่วยเหลือเพิ่มอย่างน้อย 3 เดือน เนื่องจากสถานการณ์ไม่อาจคลี่คลายในระยะเวลาสั้นๆ ควรทบทวนความช่วยเหลือเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง และขอให้พิจารณามาตรการอื่นๆให้กับผู้ประกอบการและผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบนอกกลุ่มด้วย เพราะสถานการณ์ปัจจุบันแทบจะไม่เหลือกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบแล้ว

ส่วนมาตรการ ลดค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ดี แต่มาตรการที่สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยเคยเสนอ คือ ลดภาระประชาชน SME ดูแลช่วยเหลือค่าน้ำ ค่าไฟฟรี 1-3 เดือน ถ้าต้อง Lockdown จะทำให้ค่าครองชีพลดลง

นายแสงชัย กล่าวว่า การ พักต้น พักดอก เพียง 2 เดือน ไม่เพียงพอ เพราะกิจการ SME กระทบหนักมาตลอด 1 ปีเศษ โดยเฉพาะ 3 เดือนกว่าที่ผ่านมา ทำให้สภาพคล่องไม่เหลือ เริ่มส่งสัญญาณการขาดการชำระหนี้เป็นไฟเหลืองจำนวนมาก และอีกส่วนเป็น NPLs ไปแล้ว 

ทั้งนี้ ทางสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เสนอ มาตรการช่วยเหลือ “SME เซให้พัก รักให้ลด” โดยให้เอสเอ็มอีที่เข้าไม่ถึง Softloan และกลุ่มกิจการที่ได้รับความเดือดร้อนซวนเซให้ได้ใช้มาตรการทางการเงินนี้ 

สำหรับการดำเนินมาตรการในการพักต้น พักดอก จะต้องไม่คิดดอกเบี้ยระหว่างการพักเพิ่มเติม พร้อมทั้ง ยืดระยะเวลาดำเนินการมาตรการนี้ถึง 31 ธันวาคม 2564 หรือ 6 เดือน ให้ทุกธนาคารพาณิชย์ ธนาคารัฐ และ Non banks ดำเนินการมาตรการนี้ทุกสถาบัน เพื่อเป็นการระงับภาวะวิกฤติทางการเงิน เศรษฐกิจของประเทศ มิให้เกิดความเดือดร้อนของภาคประชาชน และธุรกิจ SME จนต้องก่อให้เกิด NPLs เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

พร้อมกันนี้ เสนอเร่งลดดอกเบี้ยให้กับกลุ่มกิจการ SME ที่ถูกปฏิเสธจากการขอ Softloan และไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 9 กิจการที่ได้พักต้นพักดอก เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน SME ยอดขายลดลงอย่างมากในเกือบทุกกิจการ แต่ยังทุ่มเทประคับประคองกิจการต่อไป อีกทั้งส่วนต่างของต้นทุนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ของ SME สูงถึง 6-10% ซึ่ง SME จำนวนมากยังต้องแบกภาระดอกเบี้ยสูงท่ามกลางภาวะวิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้ การออกมาตรการลดดอกเบี้ยจะทำให้ SME ที่เดือดร้อนได้มีโอกาสต่อลมหายใจ ลดต้นทุนทางการเงิน เพื่อเกิดสภาพคล่องประคองธุรกิจ การจ้างงาน และลดภาระบางส่วนได้

โดยภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรทบทวนอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารคิดกับผู้ประกอบการ SME ในอัตราที่สูง ควรลดดอกเบี้ย 3% ให้กับ SME ทำให้ฐานดอกเบี้ยต้องไม่มากกว่า 5% อาทิ SME ที่มีดอกเบี้ย 8% ต้องลดเหลือ 5% หรือ SME ที่มีดอกเบี้ย 6% ให้เหลือ 5% เป็นต้น ส่วนกลุ่ม SME เดิมที่ได้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า 5% ให้คงไว้ตามเดิม และในส่วนระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ SME อย่างน้อย 6 เดือน ถึง 31 ธันวาคม 2564