คาลเท็กซ์ผนึก EA Anywhere ตั้งเป้าให้บริการสถานีชาร์จรถอีวี 20 แห่งในปีนี้

คาลเท็กซ์ชูกลยุทธ์ Smart Partnership จับมือ EA Anywhere เล็งขยายบริการสถานีชาร์จ รถยนต์ไฟฟ้า รองรับความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตในไทย สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก

วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 นางอลิซ พอตเตอร์ ประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมกับ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ในการขยายการติดตั้งบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ เพิ่มทางเลือกด้านผลิตภัณฑ์ โดยปัจจุบันติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ไปแล้ว 9 แห่ง มีเป้าหมายจะขยายเพิ่มเติมอีกให้ครบ 20 แห่งภายในปี 2564 เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการให้มากยิ่งขึ้น

อลิซ พอตเตอร์

“จากปัจจุบันตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle-EV) ในประเทศไทย มีแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ยังได้วางเป้าหมายการส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า รวมทุกประเภทในปี 2568 จำนวนทั้งสิ้นถึง 1.05 ล้านคัน ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้เป้าประสงค์ของเชฟรอนในการส่งมอบพลังงานที่สะอาด ด้วยคุณภาพที่น่าเชื่อถือ และในราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้”

สำหรับการติดตั้งสถานีประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ ถือเป็นโอกาสในการให้บริการเสริมด้านพลังงานทางเลือกให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ โดยผสานความร่วมมือกับ EA Anywhere ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ Smart Partnership เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของคาลเท็กซ์ โดยนับถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ไปแล้ว 9 แห่ง

ได้แก่ สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์สาขาไฮเท็กซ์ เพชรพระเทพ (บจก.ไฮเท็กซ์ เพชรพระเทพ) จังหวัดกรุงเทพฯ สาขาลาดกระบัง (บจก.เจ้าคุณ ออยล์) จังหวัดกรุงเทพฯ สาขารามอินทรา (บจก.ขั้นเทพ เพอร์ฟอร์แมนซ์) จังหวัดกรุงเทพฯ สาขาบางนา-ตราด (บจก.สตาร์ เอ็นเนอร์จี เซอร์วิส) จังหวัดสมุทรปราการ สาขาเทพารักษ์ (บจก.ไทยสัมพันธ์ปราการ) จังหวัดสมุทรปราการ สาขาปากเกร็ด (บจก.สินทรัพย์มงคลชัย) จังหวัดนนทบุรี สาขานาจอมเทียน (บจก.สตาร์ จอมเทียน 2020) จังหวัดชลบุรี สาขาบางม่วง (หจก.เกษตรพัฒนา 1993) จังหวัดนครสวรรค์ สาขาพิชัย (หจก.ซี.เค.ซี. บิสซิเนส กรุ๊ป สาขา 2) จังหวัดลำปาง และมีแผนที่จะเปิดให้บริการภายในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์สาขาอื่น ๆ

นอกจากนี้ ทางบริษัทยังคงไม่หยุดยั้งในการศึกษาเรียนรู้และพัฒนาผลิตภัณฑ์ และคุณภาพงานบริการเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทย ซึ่งการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere จะสะท้อนความสะดวก ทันสมัย และสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้องค์ประกอบแบบ Smart ที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างของสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์รูปโฉมใหม่ เพื่อสร้างคุณค่าที่ประทับใจควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายสมบัติ วัฒนหงษ์ศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาด บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด  กล่าวว่า บริษัทได้ดำเนินแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า พร้อมบริการด้านธุรกิจอีวีอย่างต่อเนื่อง จากแนวคิดที่จะนำพาให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเดินทางด้วยยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีความสะดวกสบาย ประหยัด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับความร่วมมืออย่างต่อเนื่องนี้ จะช่วยผลักดันให้บรรลุเป้าหมายในการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ทันสมัยและปลอดภัย ภายใต้เครื่องหมายการค้า “EA Anywhere” และได้พัฒนาโมบายแอปพลิเคชั่น เพื่อรองรับการใช้งาน (จอง จ่าย ชาร์จ ในแอปเดียว)

โดยเรามีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการเดินทาง ด้วยการมีสถานีอัดประจุไฟฟ้าติดตั้งในพื้นที่ที่มีความหลากหลาย รองรับรูปแบบการใช้ชีวิตได้มากขึ้น ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเข้ารับบริการได้ตามไลฟ์สไตล์อย่างครบวงจร อาทิ สถานีบริการน้ำมัน ศูนย์บริการด้านยานยนต์ ศูนย์การค้า และร้านอาหารต่าง ๆ เป็นต้น

สถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ ประกอบไปด้วย เครื่องชาร์จระบบปกติ AC (Normal Charger) และระบบชาร์จเร็ว DC (Fast Charge) ที่ใช้เวลาเพียง 15-20 นาที (เวลาในการชาร์จขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น) รวมทั้งยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการด้วยโมบายแอปพลิเคชั่น “EA Anywhere” บนมือถือทั้งในระบบปฏิบัติการ IOS และ Android ระบบออนไลน์ที่สามารถแสดงตำแหน่งที่ตั้งของสถานีบริการ การนำทาง และการชำระค่าบริการ รวมถึงการอธิบายวิธีการและขั้นตอนการชาร์จที่ง่ายต่อการเข้าใจ สะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย

“เราศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาพัฒนาเป็นบริการที่ตอบโจทย์การใช้งาน พร้อมกับสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าอยู่เสมอ รวมทั้งเกิดการบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้เป็นรูปธรรม และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี พร้อมนำพาประเทศก้าวสู่การใช้พลังงานสะอาด ที่สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ” นายสมบัติกล่าว