จุรินทร์ งัดกฎหมายหากค้ากำไรเกินควร “ฟ้าทะลายโจร” ติดคุกแน่

“จุรินทร์”ยันติดตามสถานการณ์ราคา “ฟ้าทะลายโจร” อย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่คุมราคา แต่หากพบพวกค้ากำไรเกินควร พร้อมงัดกฎหมายดำเนินการทันที โทษ คุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ ประชาชนพบเห็นร้อง 1569 และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด สินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่ขาดแคลน

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีการควบคุมราคายาฟ้าทะลายโจร ว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงสาธารณสุข ได้จับมือกันติดตามอย่างใกล้ชิด และที่ยังไม่ควบคุมในเบื้องต้น เพราะต้องการส่งเสริมให้มีการผลิตเยอะ ๆ ให้เพียงพอกับความต้องการก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเริ่มจากการไปคุมราคา สุดท้ายจะกลายเป็นดาบสองคม แทนที่จะส่งเสริมให้ผลิตเยอะ ถ้าเกษตรกรเห็นว่าไม่คุ้มหรือผู้ประกอบการเห็นว่าไม่คุ้ม จะหยุดผลิต สุดท้ายประชาชนจะไม่มียาใช้ เรื่องนี้ต้องดูให้รอบคอบว่าความพอดีอยู่ตรงไหน และขอให้มั่นใจว่ากระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด

ส่วนกรณีมีผู้ที่เอาไปขายเป็นยา และไม่มีทะเบียนยา ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการ เพราะเป็นหน้าที่โดยตรง ส่วนเรื่องการทำให้เกิดความปั่นป่วนทางราคา เรื่องนี้ได้มอบให้กรมการค้าภายในติดตามใกล้ชิด หากมีการค้ากำไรเกินควร ขายเกินราคาสมควร ทำให้เกิดความปั่นป่วนทางราคา ก็มีกฎหมายควบคุมอยู่แล้ว ตามมาตรา 29 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปีปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเฉพาะหากมีพ่อค้าคนกลางนำไปโก่งราคา ทำให้เกิดความปั่นป่วน ถ้ามีเบาะแส สามารถร้องหรือแจ้งมาที่สายด่วน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์ทุกจังหวัด จะส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์เห็นด้วยในการกำหนดนโยบายส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกฟ้าทะลายโจรให้เพิ่มขึ้น และปัจจุบันหลายหน่วยงานเริ่มเข้ามาส่งเสริมให้ปลูก เพราะสามารถนำไปเป็นยาสมุนไพรได้ ตอนที่เป็นพืช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะดูแลเรื่องนี้ แต่เมื่อไปบรรจุใส่แคปซูลเป็นยา กระทรวงสาธารณสุขจะเข้าไปดูแลขึ้นทะเบียน อย. และกำกับดูแลทั้งกระบวนการในการผลิตให้ได้มาตรฐาน

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในและสำนักปลัดกระทรวงพาณิชย์ กำชับให้พาณิชย์จังหวัดดูแลราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากการตรวจสอบในเชิงปริมาณ ยังไม่กระทบ เพราะได้ประสานกับกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคตลอด และอธิบดีกรมการค้าภายในที่เป็นตัวจักรสำคัญได้รายงานตลอดว่าไม่มีปัญหา เพียงแต่อย่าตื่นตระหนก เพราะขณะนี้ประชาชนได้เข้าใจสถานการณ์มาโดยลำดับ เหตุการณ์นี้ ยังไม่เกิดขึ้น ถือว่าสินค้าอุปโภคบริโภคยังเพียงพอ ยกเว้นสถานการณ์จะเปลี่ยนไปมาก ซึ่งยังคาดการณ์ไม่ได้ แต่ผู้ผลิตก็ติดตามสถานการณ์เช่นกัน และคอยรายงานกระทรวงพาณิชย์อยู่เป็นระยะว่าสามารถดูแลประชาชนได้และมีสินค้าคอยเติมเต็มในชั้นวางต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะช่วยดูภาคการผลิตให้เดินหน้า ซึ่งได้รายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วว่าถ้าหน่วยการผลิตตรงไหนติดโควิด-19 แล้ว ศบค. ให้ปิดการผลิตนั้น ก็ขอให้เป็นการทำทีละส่วน หรือปิดเป็นหน่วย แทนการปิดทั้งโรงงาน เพราะบางโรงงานมี 10 หน่วย ถ้าติดหน่วยเดียว ที่เหลือไม่มีปัญหา ก็อย่าไปปิด ไม่เช่นนั้น จะทำให้ของขาด กระทบทั้งการบริโภคในประเทศและกระทบการส่งออกด้วย ซึ่งเป็นห่วงตัวเลขเดือนก.ค.2564 มาก เพราะมีโรงงานที่ผลิตสินค้าส่งออกปิดไปจำนวนหนึ่ง