ราจีฟ มังกัล ครึ่งปีหลังดีมานด์เหล็กจะกลับมา

ภาพ pixabay

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในประเทศและทั่วโลก แต่ “นายราจีฟ มังกัล” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ว่ายังเชื่อมั่นว่า ปริมาณการค้าเหล็กยังคงเติบโต

โดยเฉพาะภายในประเทศไทย ภาครัฐจะสามารถควบคุมดูแลได้ ครึ่งปีหลังนี้ดีมานด์กลับมากแน่นอน และที่สำคัญยังมีปัจจัยการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็กของจีนที่เป็นปัจจัยหนุน

 

สถานการณ์เหล็กโลก

การผลิตเหล็กทั่วโลกในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม 2564) เพิ่มขึ้น 15% ขณะที่ทิศทางราคาเศษเหล็ก แร่เหล็กราคาปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

และปัจจัยสำคัญจากจีนได้ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ลดการถลุงเหล็กและอนุญาตการนำเข้าเศษเหล็กมากขึ้น ลดการสนับสนุนภาษีส่งออกเหล็ก ผลจากมาตรการเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

“การผลิตเหล็กดิบในจีนพบว่า เพิ่มขึ้น 55 ล้านตัน จีดีพีของจีนในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 8% และจากมาตรการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็ก ประกอบกับปัญหาเรื่องของค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน จะส่งผลให้การส่งออกเหล็กของจีนลดลงด้วย”

ราจีฟ มังกัล

การใช้เหล็กจากนี้

แนวโน้มการบริโภคเหล็กภายในประเทศไทย รวมไปถึงในกลุ่ม 6 ประเทศอาเซียนเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ปัจจัยกระทบโดยเฉพาะเรื่องของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียน

ซึ่งมีผลกระทบต่อการใช้เหล็ก แต่ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นแค่ระยะสั้นเท่านั้น สถานการณ์จากนี้หรือครึ่งปีหลังจะกลับมาดีขึ้น เนื่องจากภาครัฐดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

เชื่อว่าความต้องการใช้เหล็กจะกลับมา สำหรับการบริโภคเหล็กภายในประเทศ 5 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 20% หรือเนื่องจากเทียบปีที่ผ่านมาที่ฐานต่ำ

“คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ บริษัทมองว่าน่าจะขยายตัว 1.1-1.5% การส่งออกไทยยังเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่เศรษฐกิจไทยยังมีความเปราะบางต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้

คาดว่าจะกลับมาได้ก็สิ้นปี 2565 โดยยังกังวลเรื่องของการระดมทุนของการลงทุน เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังไม่กลับมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดในประเทศ”

ผลประกอบการ

บริษัทยังเชื่อว่าปริมาณยอดขายเหล็กของบริษัททั้งปี 2564 เติบโตกว่า 1.3 ล้านตัน เมื่อเทียบปีที่ผ่านมา เพราะจากปัจจัยจีนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็กภายในการส่งออกเหล็กก็จะลดลง

ขณะที่สัดส่วนการตลาด 88-92% จะขายภายในประเทศเป็นหลัก อีก 8-12% จะส่งออกไปต่างประเทศ โดยบริษัทจะให้ความสำคัญตลาดในประเทศเป็นหลัก เพราะต้องการต้องย้ำและขายแบรนด์ของบริษัทเพื่อครองใจผู้บริโภค

Q1 ขายเหล็ก 3 แสนตัน

สำหรับปริมาณการขายรวมของบริษัท อยู่ที่ 346,000 ตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ขายได้ 298,000 ตัน รายได้จากการขายของบริษัทไตรมาส 1 ยังคงเติบโตอยู่ที่ 7,892 ล้านบาท

จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่ 4,592 ล้านบาท แต่ทั้งนี้หากหักกำไรก่อนภาษีเงินได้บริษัท ไตรมาส1/65 849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอยู่ที่ 80 ล้านบาท

ส่วนในเรื่องของราคาจะพบว่าส่วนต่างระหว่างราคาขายและราคาวัตถุดิบ (spread) ในไตรมาสหนึ่งอยู่ที่ 9,600 บาทต่อตัน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 7,100 บาทต่อตัน

ส่วนในไตรมาส 2 ยังต้องรอสิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 ถึงจะสามารถคาดตัวเลขการขายได้ แต่ยอมรับว่าในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ภาครัฐมีประกาศปิดแคมป์ก่อสร้าง ส่งผลกระทบต่อยอดขายบ้าง

โดยเฉพาะเหล็กเส้น เหล็กลวด แต่ในช่วงปลายเดือนเริ่มกลับมาดีขึ้น เนื่องจากภาครัฐเริ่มผ่อนคลายก่อสร้างบางโครงการ เนื่องจากจำเป็นต้องเดินหน้าต่อเนื่อง

“ยอดขายเหล็กรวมไตรมาส 1 ของปีนี้ ถือว่าโตยิ่งกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งเหล็กลวด ส่งออก จะมีเพียงเหล็กเส้น เหล็กตัดและดัด ลดลงบ้างเมื่อเทียบปีที่ผ่านมา รวมไปถึงเหล็กคุณภาพ

ทั้งเหล็กต้านแผ่นดินไหว เหล็กแรงดึงสูง เหล็กเส้นขึ้นรูปและตัด เนื่องจากปัญหาการปิดแคมป์ก่อสร้าง แต่เชื่อว่าระยะสั้น”

อย่างไรก็ดี ผลของรายได้ของบริษัทไตรมาส 1 ของงบการเงินปี 2565 (ปีงบฯอินเดีย) ยังคงเติบโตอยู่ที่ 7,892 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณและราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อยอดรายได้ของบริษัท

ปรับใช้เทคโนโลยีรับมือโควิด

ปัจจัยที่ทำให้เติบโตได้จากการที่บริษัทยังคงเดินหน้าหาตลาดส่งออกใหม่ ล่าสุดส่งออกไปตลาดแคนาดาได้ที่ 6,500 ตัน และยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าเหล็กอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภค

พร้อมนำเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ในการขายและการทำงานของพนักงาน ยังให้พนักงานทำงานที่บ้านมากขึ้น เพื่อลดการแพร่เชื้อ

อีกทั้งบริษัทยังได้เร่งฉีดวัคซีนให้กับพนักงานเชื่อว่าอีก 2-3 สัปดาห์จากนี้ จะสามารถฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับพนักงานได้ครอบคลุมทั้งหมดได้ ซึ่งก็จะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี