จุรินทร์ ปลื้ม Mini FTA “ไทย-ไหหลำ” ฉบับแรกในประวัติศาสตร์ฉลุย

จุรินทร์ ปลื้ม Mini FTA “ไทย-ไหหลำ” ฉบับแรกในประวัติศาสตร์ฉลุย ขยายความร่วมมือ 5 ด้าน ดันยอดการค้า 12,000 ล้านบาทใน 2 ปี

วันที่ 20 สิงหาคม 2564 ในโอกาสวันครบรอบ 101 ปีของการสถาปนากระทรวงพาณิชย์ของไทย และวันครบรอบ 69 ปีของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความ เข้าใจด้านความร่วมมือทางการค้า ( Mini FTA ) ไทย-ไห่หนาน ระหว่างนายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับนายเฉิน ซี อธิบดีกรมพาณิชย์ไห่หนาน ผ่านระบบประชุมทางไกล

สำหรับความร่วมมือนี้ ประกอบด้วย 5 ด้าน 1. ด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้าระหว่างกัน 2. ด้านการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการค้า ด้านสินค้า ด้านนวัตกรรมและการตลาดรวมทั้งการส่งเสริมการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างกันเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า 3.ด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน เช่น การเดินทางของนักธุรกิจ การจัดประชุมสัมมนาร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกัน

4.ด้านการมุ่งขยายมูลค่าการค้าใน 3 สินค้าหลัก ประกอบด้วย 1)สินค้าทางด้านการเกษตร 2)สินค้าอาหาร 3)สินค้าอุตสาหกรรม 5.ความร่วมมือด้านอีคอมเมิร์ซ เช่น การส่งเสริมการค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆของจีนและไทย

ความตกลงนี้จะมีผลเป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันนี้ 20 สิงหาคม 2564 ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2566 ซึ่งจะมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 12,000 ล้านบาท ใน 2 ปี

นายจุรินทร์ กล่าว ไห่หนานถือเป็นมณฑลแรกในจีนที่กระทรวงพาณิชย์ไทยได้จัดทำ MOU ซึ่งความร่วมมือนี้ถือเป็น Mini-FTA ฉบับแรกที่ไทยทำกับมณฑลในประเทศจีน เป็นไปตามนโยบายที่ให้ไว้กับกระทรวงพาณิชย์ว่าให้ทำ FTA ฉบับเล็กหรือเรียกได้ว่า Mini-FTA กับรัฐต่างๆที่บางรัฐมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าหรือมีจำนวนประชาชนมากกว่าประเทศไทย

“แม้ว่าโลกจะเผชิญกับผลกระทบจากวิกฤติโควิด 19 แต่การค้าระหว่างมณฑลไห่หนานกับไทยยังคงมีมูลค่าสูงถึงราว 9,233 ล้านบาท (295.07 ล้านเหรียญฯ) การผลักดันให้ประเทศไทยและมณฑลไห่หนานจะช่วยให้มีความร่วมมือทางการค้าครั้งนี้ ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น”

“ขอชื่นชมวิสัยทัศน์ของท่านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ได้วางแผนยกระดับให้ไห่หนานเป็นเมืองท่าการค้าเสรีที่มีอัตลักษณ์ ซึ่งถือเป็นนโยบายการเปิดประเทศที่สำคัญของจีน อันจะช่วยเอื้อต่อการค้า การลงทุนระหว่างประเทศ และตนเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพที่มีของไห่หนานจะส่งผลให้ไห่หนานก้าวขึ้นสู่การเป็นเมืองท่าสากลระดับโลก ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน”

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ไห่หนานหรือไหหลำเป็นชื่อที่คนไทยคุ้นเคยมาช้านาน เนื่องจากไทยมีประชากรเชื้อสายไห่หนานอยู่จำนวนมากรวมถึงตนด้วย ซึ่งทำให้ มีการรักษาวัฒนธรรมไห่หนานไว้อย่างเหนียวแน่น และยังมีการรวมกลุ่มที่มีความเข้มแข็งเป็นอย่างมาก ในบรรดาประเทศพันธมิตรทางการค้าของไทย

 “ในฐานะที่ตนมีเชื้อสายไห่หนาน ตนได้มีโอกาสไปร่วมงานที่สมาคมใหหนำแห่งประเทศไทยหลายครั้ง ซึ่งหลายท่านได้แสดงความสนใจในการไปทำธุรกิจที่บ้านเกิดของบรรพบุรุษ ความสนใจดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายที่ตนได้มอบให้กระทรวงพาณิชย์ เพื่อลดอุปสรรคและแสวงหาโอกาสทางการค้าใหม่ๆ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่เผชิญทั้งกับความท้าทายและความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ 

นายเฝิง เฟย ผู้ว่าการมณฑลไห่หนาน กล่าวผ่านระบบทางไกลว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงนามครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในการสร้างกลไกความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน ต่อจากนี้เป็นการขยายความร่วมมือระหว่างมณฑลไห่หนานและประเทศไทย ทั้งทางด้านธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและสังคม เป็นต้น 

ทั้งสองฝ่ายจะร่วมแบ่งปันโอกาสใหม่ๆ แสวงหาการพัฒนาใหม่ในอนาคตร่วมกัน และขอบพระคุณท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีความใส่ใจและสนับสนุนการก่อสร้างท่าเรือการค้าเสรีไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน และขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยมาท่องเที่ยวและร่วมลงทุนพัฒนาธุรกิจที่มณฑลไห่หนาน 

“พวกเราจะใช้ การบริการที่ดีเยี่ยม และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจชั้นหนึ่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนในมณฑลไห่หนาน รวมไปถึงการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย และการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ”  นายเฝิง เฟย ผู้ว่าการมณฑลไห่หนาน กล่าว

สำหรับการลงนามครั้งนี้ได้ยินมีสักขีพยานทั้งสองฝ่าย ทั้งนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ 

นายเฝิง เฟย ผู้ว่าการมณฑลไห่หนาน นายหนี เฉียง รองผู้ว่าการมณฑลไห่หนานและเลขาธิการรัฐบาลมณฑลไห่หนาน นายซุน ซื่อเหวิน รองเลขาธิการรัฐบาลมณฑลไห่หนาน ประธานหอการค้าไทย-จีน นายกสมาคมใหหนำแห่งประเทศไทย 

นายกสมาคมการค้าไทยไหหลำ และมีทูตพาณิชย์ทั่วโลกและพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดร่วมติดตามนโยบายด้วย