จุรินทร์ ชง ครม.เคาะตั้ง “กองทุน FTA” วงเงินตั้งต้น 5 พันล้าน

FTA

“จุรินทร์” เห็นชอบข้อเสนอการจัดตั้งกองทุน FTA พร้อมส่งต่อ รมว.คลัง พิจารณาก่อนเสนอ ครม. คาดวงเงินตั้งต้น 5 พันล้านบาท “พาณิชย์” เตรียมรับฟังความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. ชี้! กองทุนฯ จะช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก FTA ทั้งภาคเกษตร-อุตสาหกรรม-ภาคบริการ ให้รับมือกับการแข่งขันในตลาดการค้าเสรีได้ วางรูปแบบให้วิจัย-ปล่อยกู้

วันที่ 21 สิงหาคม 2564 นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าล่าสุดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เห็นชอบข้อเสนอการจัดตั้งกองทุน FTA ของคณะทำงาน และได้ส่งเรื่องถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว เพื่อขอให้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนของกระทรวงการคลัง ก่อนเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี พร้อมกันนี้ทางกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินกระบวนการรับฟังความเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งกองทุน FTA ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีตามกระบวนการตรากฎหมายต่อไป

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

สำหรับกองทุน FTA ที่เสนอจัดตั้ง เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก FTA ทั้งภาคการผลิตสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม และภาคบริการ โดยจะให้ความช่วยเหลือใน 2 รูปแบบ คือ เงินจ่ายขาด เช่น การวิจัยพัฒนา การจัดหาที่ปรึกษา การฝึกอบรม กิจกรรมที่สนับสนุนการตลาด และเงินกู้ยืม เช่น เงินลงทุน ค่าใช้จ่ายหมุนเวียน โดยจะดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานทั้งรัฐ เอกชน เกษตร วิชาการ และธนาคาร เพื่อเป็นตัวกลางให้กับกลุ่มผู้ขอรับความช่วยเหลือในการช่วยเขียนโครงการและเสนอโครงการมายังกองทุน

สำหรับที่มาของเงินกองทุนส่วนใหญ่ จะขอทุนประเดิมจากรัฐบาล 5,000 ล้านบาท และจากงบประมาณประจำปี 120-150 ล้านต่อปี นอกจากนี้ กองทุนจะมีการพิจารณาจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ที่ได้ประโยชน์จาก FTA ทั้งผู้ส่งออก ผู้นำเข้า และผู้ประกอบการในภาคการผลิตและภาคบริการด้วย

โดยในเบื้องต้นได้มีข้อเสนอให้จัดเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ขอใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ที่ประสงค์จะใช้สิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับการส่งออกภายใต้ FTA โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและไม่เป็นภาระเกินความจำเป็นต่อภาคเอกชน ซึ่งก็จะนำมาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นหลัก

“นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้นโยบายใช้ความตกลงเขตการค้าเสรี หรือ FTA ให้เกิดประโยชน์ต่อการค้าการลงทุนของคนไทย ซึ่งปัจจุบันไทยมี FTA 13 ฉบับ กับ 18 ประเทศ ได้แก่ ประเทศสมาชิกอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี และเปรู รวมถึงความตกลง RCEP ที่กำลังจะมีผลใช้บังคับในปีหน้า จะเป็น FTA ฉบับที่ 14 แม้การจัดทำ FTA จะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการค้า แต่ก็มีความท้าทายเช่นกัน เนื่องจากมีทั้งผู้ได้ประโยชน์ และผู้ที่ได้รับผลกระทบ”

ซึ่งจากการลงพื้นที่รับฟังความเห็นที่ผ่านมาของกระทรวงพาณิชย์ พบว่า ภาคส่วนเสนอให้รัฐจัดตั้งกองทุน FTA อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก FTA ให้สามารถปรับตัวรับมือกับการแข่งขันในตลาดการค้าเสรี

กระทรวงได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อร่วมกันหาแนวทางและจัดทำข้อเสนอการจัดตั้งกองทุน FTA

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การจัดตั้งกองทุน FTA อย่างเป็นรูปธรรม จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นต่อการจัดทำ FTA เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทย และเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบแก่ทุกภาคส่วน ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 178 ที่ได้กำหนดให้มีการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบทางด้านนี้