“บ้านปู เน็กซ์” เปิดแผน 5 ปี  ลุยเต็มสูบพลังงานหมุนเวียน แบตเตอรี่ อีโมบิลิตี้

‘บ้านปู เน็กซ์’ เปิดแผน 5 ปี ขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์ Greener & Smarter พร้อมดันเทคโนโลยีพลังงานสะอาดสร้าง New S-Curve ป้อน 5 ธุรกิจหลัก  ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า ธุรกิจอีโมบิลิตี้ และธุรกิจพลังงานฉลาด เดินหน้าลงทุน ขยายพอร์ตลูกค้าทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งไทย-ต่างประเทศ หวังเพิ่ม EBITDA พลังงานสะอาดร้อยละ 50 ภายใน 2568 รองรับเทรนด์พลังงานแห่งอนาคตในยุค Never Normal

วันที่ 8 กันยายน 2564 นายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาส ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร–กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “บ้านปู เน็กซ์ ได้วางแผนธุรกิจเชิงรุก หรือแผนโรดแมป 5 ปี (2564-2568) โดยดำเนินตามกลยุทธ์ Greener & Smarter และหลักการดำเนินงานสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือ ESG จากกลุ่มบ้านปู เพื่อขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ดังนี้

1.เน้นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล (Data Driven) โดยยึดความต้องการและปัญหาของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อนำไปวิเคราะห์ พัฒนา และออกแบบโซลูชั่นที่ตอบโจทย์การดำเนินงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของลูกค้า รองรับเทรนด์การใช้พลังงานและพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต ขณะเดียวกันก็สร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

2.เดินหน้าลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Investment) ศึกษาการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีโอกาสการเติบโต ผนึกพันธมิตรทางธุรกิจ และสนับสนุนสตาร์ตอัพไทยที่มีความสามารถ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

3.รุกผลักดันธุรกิจให้เติบโตในทุกโซลูชั่น (2025 EBITDA Growth) เพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) ของกลุ่มบ้านปู เดินหน้าขยายพอร์ตลูกค้า เพิ่มกำลังการผลิตพลังงานสะอาด พัฒนาโปรดักต์ และบริการใหม่ ๆ ของธุรกิจให้ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเรือธงอย่างธุรกิจพลังงานหมุนเวียน แบตเตอรี่ ซื้อขายไฟฟ้า อีโมบิลิตี้ และพลังงานฉลาด รวมถึงเดินหน้าขยายการให้บริการไปยังภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส-บริหารการตลาดและการขาย บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจพลังงานฉลาดเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญของบ้านปู เน็กซ์ เราจึงวางกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และการตลาด เพื่อช่วยสร้างธุรกิจใหม่แห่งอนาคต (New S-Curve) ให้บริษัท โดยเรามีแผนพัฒนา 5 โซลูชั่นพลังงานฉลาด และบริการใหม่ที่หลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกันจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงต่าง ๆ อาทิ เทคโนโลยี AI บิ๊กดาต้า ระบบคลาวด์อัจฉริยะ มาเป็นตัวขับเคลื่อน (Key Enabler) การดำเนินงาน และช่วยให้ลูกค้าบริหารจัดการการใช้พลังงานสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเรียลไทม์บนแพลตฟอร์มเดียว (Integrated Data Platform)

 

โดยโซลูชั่นพลังงานฉลาด จะเป็นฟันเฟืองสำคัญสำหรับใช้พัฒนา 2 ส่วน ได้แก่ 1.การพัฒนาสมาร์ทคอมมิวนิตี้และสมาร์ทซิตี้ โดยโครงการที่ประสบความสำเร็จของเราที่ผ่านมา ได้แก่ พัฒนาโรงเรียนนานาชาติรักบี้ จ.ชลบุรี สู่สมาร์ทแคมปัส เปิดตัวเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลำแรกของไทย และร่วมพัฒนาโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน (Smart Safety Zone) จ.ภูเก็ต 2.การพัฒนาธุรกิจ และอุตสาหกรรมทุกประเภท ให้มุ่งสู่ความยั่งยืน ด้วยการให้บริการโซลูชั่นพลังงานฉลาดแบบครบวงจร (End-to-End) พร้อมดิจิทัลแพลตฟอร์ม และบริการหลังการขายตลอด 24 ชม. ซึ่งเป็นจุดเด่นด้านบริการของเรา

ทั้งนี้ บ้านปู เน็กซ์ มั่นใจว่าแผนธุรกิจ 5 ปี จะสามารถนำองค์กรก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในอนาคต สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้ธุรกิจ โดยตั้งเป้าภายในปี 2568 เพิ่มกำลังผลิตรวมของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม (Renewable) ทั้งเอเชีย-แปซิฟิกเป็น 1,600 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่รวม 824 เมกะวัตต์1 และกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ลานจอดรถ และโซลาร์ลอยน้ำรวม 249 เมกะวัตต์1 เพิ่มกำลังการเทรดไฟฟ้าของธุรกิจ Energy Trading เป็น 1,000 กิกะวัตต์ชั่วโมง ขยายการเติบโตของธุรกิจแบตเตอรี่คุณภาพสูงของดูราเพาเวอร์และนำมาต่อยอดพัฒนาโซลูชั่นพลังงานอื่น ๆ ตามความต้องการของลูกค้า 

“ภายในปี 2568 นอกจากเพิ่มกำลังผลิตรวมของธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ยังคาดว่าจะมีการปรับเป้าหมายกำลังผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีกพร้อมขยายกำลังผลิตการเทรดไฟฟ้าในธุรกิจ Energy Trading ที่ทำในญี่ปุ่น โดยปลายปีนี้จะเพิ่มที่ออสเตรเลีย และกลางปี 2565 จะเริ่มที่สหรัฐอเมริกา”

พร้อมพัฒนาบริการธุรกิจอีโมบิลิตี้ ให้ครบวงจรและครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเพิ่มจุดบริการไรด์แชริ่ง เป็น 50,000 จุด เพิ่มจุดบริการคาร์แชริ่ง เป็น 5,000 จุด เพิ่มจำนวนสถานีอัดประจุไฟฟ้า และพัฒนาบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายโปรเจกต์สมาร์ทซิตี้ และคอมมิวนิตี้เพิ่มเป็น 9 โครงการ จากปัจจุบัน 5 โครงการ1 

“โควิด-19 จะมีอยู่ต่อไปหรือไม่มีก็ตาม เทรนด์ที่เปลี่ยนไปอย่างไรก็ต้องมี new normal จะกลายเป็นยุค Never Normal ธุรกิจเราจะรองรับเทรนด์พลังงานแห่งอนาคตดังที่กล่าวมานี้ หลายอย่างจะดำเนินการผ่านแอปพลิเคชั่น ไอที โซลูชั่น ทั้งหมดจะช่วยต่อยอดธุรกิจเรา”