FTA กู้วิกฤตดันส่งออกสินค้าเกษตร 7 เดือนปี 64 ทะลุ 1 หมื่นล้าน!

กรมเจรจาฯ เผยยอดส่งออกสินค้าเกษตรไป 18 ประเทศคู่เจรจา FTA ช่วง 7 เดือนปี 64 ทะลุ 11,664.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 33% พบตลาดเกาหลีใต้โตแรง มั่นใจ! แนวโน้มส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจตลาดสำคัญฟื้นตัว

วันที่ 9 กันยายน 2564 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงข้อมูลการส่งออกสินค้าเกษตร (กสิกรรม ประมง และปศุสัตว์) ไป 18 ประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) ได้แก่ อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เปรู ชิลี และฮ่องกง โดยในช่วง 7 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ค.) พบว่า มีมูลค่ารวม 11,664.8 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 75.75% ของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมดของไทย ขยายตัวถึง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 สำหรับตลาดที่มีการส่งออกขยายตัว ได้แก่ เกาหลีใต้ +268% เมียนมา +91% อินเดีย +85% ชิลี +68% จีน +66% มาเลเซีย +51% ฟิลิปปินส์ +43% ญี่ปุ่น +13% และเปรู +11% 

สินค้าเกษตรที่มีการส่งออกขยายตัว อาทิ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง +55% ยางพารา +58% ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง +3% ไก่แปรรูป +4% เครื่องเทศและสมุนไพร +147% และผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง +55% ในส่วนของผลไม้ยอดนิยมของไทยที่ขยายตัวเช่นเดียวกัน อาทิ ทุเรียนสด +65% ลำไยสด +44% มังคุด +22% และมะม่วงสด +52% นอกจากนี้ ปัจจุบันไทยยังครองแชมป์เป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตร (กสิกรรม ประมง ปศุสัตว์) อันดับ 1 ในอาเซียน ตามด้วยเวียดนามและอินโดนีเซีย

นางอรมน กล่าวอีกว่า ความตกลงการค้าเสรี (FTA) มีส่วนสำคัญในการสร้างแต้มต่อทางการค้าให้กับสินค้าเกษตรของไทยในตลาดโลก เนื่องจากประเทศที่มี FTA กับไทยได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกส่วนใหญ่แล้ว ทำให้สินค้าไทยได้เปรียบด้านราคาและต้นทุนทางภาษีเมื่อต้องแข่งขันกับสินค้าจากประเทศอื่น ช่วยให้สินค้าเกษตรมีการส่งออกขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับสถิติการใช้สิทธิประโยชน์ในการส่งออกสินค้าเกษตรด้วย FTA โดยเฉพาะผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง และไก่แปรรูป  ยางพารา และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 


จากการวิเคราะห์แนวโน้มการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยในอนาคต พบว่า มีโอกาสสูงที่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เพราะมีปัจจัยสนับสนุนจากสภาพเศรษฐกิจของตลาดส่งออกสำคัญเริ่มฟื้นตัวประกอบกับการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ การฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และทิศทางของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2564 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระทบต่อการส่งออกของไทย ยังคงเป็นเรื่องการควบคุมแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ซึ่งต้องควบคุมไม่ให้กระทบต่อการผลิตของโรงงานและแหล่งผลิตสินค้าสำคัญของไทย รวมทั้งการเตรียมมาตรการสำรองในกรณีที่โรงงานการผลิตอาจจำเป็นต้องปิดชั่วคราวควบคู่กับการติดตามสถานการณ์และการบริหารลดความเสี่ยงที่จะกระทบการส่งออกได้