WHA ปั๊มรายได้ปี 64 โต 30% สูงสุดเป็นประวัติการณ์

จรีพร จารุกรสกุล

WHA ปั๊มรายได้ปี 64 โต 30% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังอานิสงส์ “อีคอมเมิร์ซ” ยุคโควิดดันธุรกิจโลจิสติกส์ครึ่งปีแรกฉลุย เตรียมแผนต่อยอดบริการไฟเบอร์ออฟติกนิคม 5จี ยังมั่นใจปี 65 ลงทุนนิคมฟื้น

วันที่ 14 กันยายน 2564 นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า ในปี 2564 WHA คาดการณ์รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติจะสูงเป็นประวัติการณ์ ด้วยอัตราการเติบโตกว่า 30% จากปีก่อน โดยที่ยังคงระดับความสามารถในการทำกำไรสูง จากกำไรการดำเนินการก่อนหักค่าใช้จ่าย (EBITDA) กว่า 40% นอกจากนี้ยังตั้งเป้าขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) มูลค่ากว่า 5,500 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564

โดยผลจากการเติบโตในธุรกิจอีคอมเมิร์ซในช่วงโควิดที่ผ่านมาส่งผลดีต่อธุรกิจโลจิกส์ของ WHA ครึ่งแรกของปี 2564 มีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่ 35,000 ตรม. สัญญาระยะสั้นอีก 100,000 ตรม. และสิ้นปีจะมีการส่งมอบโครงการโลจิสติกส์แห่งใหม่ 5 แห่ง พร้อมกันนี้ในธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม ยังได้เดินหน้าให้บริการไฟเบอร์ออปติก (FTTx) ในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 10 แห่ง ของ WHA รวมถึงมีส่วนร่วมในการพัฒนาวางเครือข่าย 5G กับพาทเนอร์ เพื่อให้บริการลูกค้าในนิคมฯ

“กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมยังคงเป้าหมายว่าจะมียอดขาย 820 ไร่ ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม และมองว่าแนวโน้มปี 2565 นิคมฯ จะกลับมาเป็นพระเอกสร้างรายได้หลักอีกครั้ง เพราะแม้ว่าจะมีโควิดยังว่ามีสัญญาณของนักลงทุนที่พร้อมลงทุนจำนวนมากที่จะเดินทางเข้ามาเซ็นสัญญา และโอนพื้นที่”

เช่นเดียวกับธุรกิจสาธารณูปโภค มุ่งขยายผลิตภัณฑ์และโซลูชัน โดยเฉพาะน้ำมูลค่าเพิ่ม เช่น โครงการ Wastewater Reclamation และการผลิตน้ำที่ปราศจากแร่ธาตุ โครงการน้ำดิบทางเลือก ซึ่งครึ่งแรกสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำประปาและการบำบัดน้ำเสียเพิ่มขึ้น 16% รวมถึงผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้น 170% ส่วนด้านพลังงาน ขยายการลงทุนด้วยการพัฒนาโซลูชันพลังงานหมุนเวียน อย่างโครงการโซลาร์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ขนาด 90 เมกะวัตต์”

สำหรับผลตอบรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่งจะเปิดตัว “WHA Office Solutions” พื้นที่สำนักงานชั้นนำระดับเวิลด์คลาส พื้นที่รวม 100,000 ตารางเมตร บน 6 ทำเล ในกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ รวมถึงสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ “ดับบลิวเอชเอ ทาวเวอร์”, โครงการ SJ Infinite I, ตึกสำนักงาน @Premium, โครงการ WHA Bangna Business Complex, ศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมทัสพาร์ค ดับบลิวเอชเอ และโครงการ WHA KW S25 ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างนั้น เราพบว่าได้รับการตอบรับดี

โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่น และธุรกิจสตาร์ทอัพ และยังมองโอกาสจะดีขึ้นหลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย แต่ละบริษัท จะมองหาพื้นที่เช่าที่มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้น ไม่ต้องแบกรับภาระในการเช่าอาคารสำนักงานระยะยาว ตอบโจทย์การทำงานแบบ New Normal

“ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ยังไปได้ หลังเปิดประเทศจะเห็นการโตขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ Consumer และอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ธุรกิจนิคมฯกลับมาเป็นพระเอกอีกครั้ง ปี 2565 กระแสนักลงทุน การสร้าง การจ้างเข้ามามากจะเป็นปีที่น่าสนใจ ซึ่งเราก็หวังเพียงว่ารัฐจะไม่นิ่งเฉยตั้งรับเพียงอย่างเดียว

รัฐเองควร Active กว่านี้ เพราะเงินลงทุนกำลังจะไหลเข้ามา ต้องดึงการลงทุน FDI จากต่างประเทศมาให้ได้ ยิ่งบริษัทใหญ่ ๆ ให้สิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่าคู่แข่ง และแน่นอนว่า EEC จะยังเป็นพื้นที่ดึงดูดที่น่าสนใจเป็นตัวขับเคลื่อนการลงทุน ขณะเดียวกันเรื่องของการฉีดวัคซีนควรเร่งให้ครอบคลุมกลุ่มแรงงานภาคอุตสาหกรรม เพราะเมื่อมีการกระตุ้นจากหลายส่วนทั้งหมดจะช่วยดัน GDP ของประเทศให้เดินต่อได้โดยไม่ติดลบ”