เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักอีกระลอก 5-9 ต.ค. นี้

“ประพิศ” สั่งการโครงการชลประทานทั่วประเทศในพื้นที่เสี่ยง เตรียมพร้อมรับมือฝน 5-9 ต.ค. นี้ สั่งพร่องน้ำแม่น้ำชี-มูล ให้เป็นแก้มลิงหน่วงน้ำ ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์-เขื่อนลำปาว เร่งระบายน้ำไปลงแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด เพื่อรอรับน้ำเหนือที่กำลังจะลงมาอีก

วันที่ 4 ตุลาคม 2564 นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 5 -9 ต.ค. 2564 ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

จึงได้สั่งการไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยง ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพของพื้นที่ เตรียมพร้อมด้านเครื่องจักรเครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ ประจำจุดเสี่ยงพร้อมปฏิบัติงานได้ตลอดเวลา ที่สำคัญได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานระดับจังหวัดในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชี-มูล ขณะนี้จากปริมาณฝนที่ตกหนักสะสมในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนบน ทำให้มีน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนบน ส่งผลให้มีน้ำไหลลงมายังแม่น้ำชีตอนกลางและลำน้ำสาขา ประกอบกับในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ลุ่มน้ำมูลในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี มีปริมาณฝนตกสะสมประมาณ 150 มิลลิเมตร ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำมูลเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน (3 ต.ค. 64) ระดับน้ำบริเวณสถานีวัดน้ำ M.7 (บริเวณสะพานเสรีประชาธิปไตย) อำเภอเมืองอุบลราชธานี สูงกว่าตลิ่งประมาณ +0.45 เมตร แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

ส่งผลให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบบริเวณที่ลุ่มต่ำริมสองฝั่งแม่น้ำมูล ในเขตเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ กรมชลประทานได้ปรับแผนระบายน้ำจากเขื่อนและประตูระบายน้ำต่าง ๆ เพื่อพร่องน้ำและบริหารพื้นที่ลุ่มต่ำให้เป็นแก้มลิงหน่วงน้ำ เร่งระบายน้ำในลำน้ำ แม่น้ำ เพื่อรองรับน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน พร้อมทั้งจัดจราจรน้ำในแม่น้ำชีตอนบน แม่น้ำชีตอนกลาง แม่น้ำชีตอนล่าง และแม่น้ำมูล

ด้วยการปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ และเขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี รวมทั้งชะลอน้ำที่เขื่อนชนบท จังหวัดขอนแก่น เขื่อนยโสธร จังหวัดยโสธร และเขื่อนหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านท้ายน้ำ เพื่อเร่งการระบายน้ำในแม่น้ำมูลตอนล่างให้ไหลลงแม่น้ำโขงให้เร็วมากขึ้น

ทั้งนี้ ได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี 3 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่ตลิ่งต่ำน้ำท่วมซ้ำซาก ได้แก่ อ.เมือง อ.วารินชำราบ และ อ.ตระการพืชผล เนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” และการระบายในลำน้ำสายต่าง ๆ ลงสู่แม่น้ำมูล ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่ง โครงการชลประทานอุบลราชธานี ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำอีก 100 เครื่อง (แผนวางไว้ 200 เครื่อง) เร่งระบายน้ำไปลงแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด เพื่อรอรับน้ำเหนือที่กำลังจะลงมาอีกในระยะต่อไป

“ผมได้สั่งการให้ทุกโครงการชลประทาน เฝ้าระวังติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเตรียมความพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ที่สำคัญให้บูรณาการกับจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในพื้นที่ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝนหรือสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนให้มากที่สุด