“จุรินทร์” เคาะแผนดูแลผลไม้ปี 65 เตรียมใช้ 17 มาตรการเชิงรุก

“จุรินทร์” ลงพื้นจังหวัดจันทบุรี ประชุมร่วมทุกภาคส่วน จัดทำมาตรการดูแลผลไม้ปี 65 ล่วงหน้า เตรียมพร้อมมาตรการเชิงรุกไว้ทั้งสิ้น 17 มาตรการ

วันที่ 7 ตุลาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรีว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อประชุมเตรียมการดูแลผลไม้ปี 2565 เพื่อประชุมหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับตัวแทนเกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้รับซื้อ ผู้ส่งออก ผู้บริการขนส่ง ทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ และพาณิชย์จังหวัดที่มีสินค้าผลไม้ เพื่อเตรียมมาตรการดูแลผลไม้ปี 2565 เป็นการล่วงหน้าทั้งระบบ โดยได้กำหนดมาตรการเชิงรุกจำนวน 17 มาตรการ ที่จะนำมาใช้ดำเนินการ รองรับผลผลิตผลไม้ปี 2565 ที่คาดว่าจะมีประมาณ 3.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8%

สำหรับทั้ง 17 มาตรการ ได้แก่ 1.การเร่งรัดตรวจและรับรอง GAP ซึ่งมีเป้าหมายในปี 2565 ไม่ต่ำกว่า 120,000 แปลง 2.การช่วยผู้ประกอบการหรือเกษตรกรหรือล้ง กระจายผลผลิตผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต กิโลกรัมละ 3 บาท ปริมาณ 80,000 ตัน 3.การเสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออก โดยจะช่วยเหลือดอกเบี้ย 3% และช่วยผู้ส่งออกที่ส่งออกผลไม้อีกกิโลกรัมละ 5 บาท ปริมาณ 60,000 ตัน 4.กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสนับสนุนให้มีการใช้พ.ร.บ.เกษตรพันธสัญญา การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าผลไม้ โดยจะสนับสนุนให้มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเกษตรกรได้ทราบว่าขายผลไม้ได้เท่าไร มีคนซื้อที่มีหลักประกัน เซ็นสัญญาตามกฎหมายชัดเจนไม่ต่ำกว่า 30,000 ตัน

5.การส่งเสริมการบริโภคผลไม้ในประเทศ ประสานงานกับสายการบินต่าง ๆ เปิดโอกาสให้โหลดผลไม้ขึ้นเครื่องบินในประเทศไทยฟรี 25 กิโลกรัม ตั้งแต่เดือนเม.ย.2565 6.การช่วยสนับสนุนกล่อง พร้อมค่าจัดส่งผลไม้ที่ขายตรงจากเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ ไปยังผู้บริโภค จำนวน 3 แสนกล่อง จากปี 2564 จำนวน 2 แสนกล่อง 7.กระทรวงพาณิชย์จะสนับสนุนให้มีรถเร่ รถโมบาย ไปรับซื้อผลไม้ และนำออกจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยตรงในช่วงที่ผลไม้ออกมาก โดยปี 2565 จะสนับสนุนที่ 15,000 ตัน

8.ประสานงานกับห้างท้องถิ่นและปั๊มน้ำมันต่าง ๆ เปิดพื้นที่ระบายผลไม้ให้กับเกษตรกร โดยเพิ่มปริมาณจากปี 2564 ที่ช่วย 1,500 ตัน ปี 2565 เพิ่มเป็น 5,000 ตัน 9.การส่งเสริมการขายผลไม้ในต่างประเทศ โครงการ Thai Fruits Golden Months ในตลาดจีน 12 เมือง 10.การเจรจาจับคู่ซื้อขายผลไม้ออนไลน์ มุ่งเน้นตลาดใหม่ เช่น อินเดีย และรัสเซีย เป็นต้น 11.จัดงานแสดงสินค้า THAIFEX-Anuga Asia เพื่อส่งเสริมผลไม้ไทยระดับนานาชาติ เดือนพ.ค.2565 12.จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทย 5 ภาษา

13.การอบรมให้ความรู้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร ในเรื่องการค้าออนไลน์ เพื่อขายตรงให้กับผู้บริโภคและจะเพิ่มเติมหลักสูตรการส่งออกเบื้องต้นให้ด้วย ตั้งเป้าอย่างน้อย 1,000 ราย 14.มาตรการขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายแรงงาน เพื่อให้สามารถดำเนินการเก็บผลไม้และส่งเสริมการขายผลไม้ 15.ในบางช่วงที่ขาดแคลนแรงงาน ให้ กอ.รมน. ส่งกำลังพลเข้ามาช่วยเก็บเกี่ยวและขนย้ายผลไม้ 16.กระทรวงพาณิชย์จะสั่งการให้ทีมเซลล์แมนจังหวัดและทีมเซลล์แมนประเทศประสานงานกันช่วยระบายผลไม้ของเกษตรกรทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ และ 17.กระทรวงพาณิชย์และจังหวัด จะบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายผลไม้ที่มีคุณภาพ และได้ราคาดี ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้าและกฎหมายชั่งตวงวัดโดยเคร่งครัด


นอกจากนี้ จะมีมาตรการพิเศษอีกหนึ่งอัน คือ จะเร่งรัดการเพิ่มมูลค่าจากพืชผลการเกษตรทั้งผัก ผลไม้ พืชเกษตรอื่น ๆ ให้เป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง โดยการส่งเสริมให้มีการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพราะสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI จะสามารถเพิ่มมูลค่าได้ เฉพาะปี 2564 กระทรวงพาณิชย์ขึ้นทะเบียน GI ให้สินค้าทั่วประเทศไปแล้ว 152 รายการ และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สามารถจดทะเบียนสินค้า GI ได้ครบทั้ง 77 จังหวัดแล้ว และสินค้า GI ทั้งหมด 152 รายการ มีมูลค่ายอดขายถึง 40,000 ล้านบาท ส่วน จ.จันทบุรีมี GI แล้ว 3 ตัว คือ เสื่อจันทบูร พริกไทยจันท์ และล่าสุดทุเรียนจันท์ คาดว่าจะมียอดส่งออกปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 45,000 ล้านบาท