ไทยป่วนวิกฤตต้นทุน “อาหารสัตว์” แพงเท่า “อาหารคน”

อาหารสัตว์-อาหารคน

อาหารสัตว์แพงเท่าอาหารคน ผู้เลี้ยงสุกรแบกต้นทุนไม่ไหวขอปรับราคาไปแล้ว กก.ละ 8 บาท “พาณิชย์” แก้เกมวัตถุดิบโลกพุ่ง งัดแผน เชียร์ผู้ผลิตอาหารสัตว์หันซื้อปลาย-ข้าวกล้องในประเทศ แทนนำเข้า แถมช่วยฟื้นสภาพคล่องโรงสี อุ้มชาวนาก่อนผลผลิตนาปีออก คาดได้ข้อสรุป 12 ต.ค.นี้

แหล่งข่าวจากวงการโรงสีข้าวเปิดเผยว่า ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน จะหารือกับตัวแทนสมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เพื่อหาข้อสรุปในประเด็นการจัดทำโครงการจัดซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์ข้าวเปลือกและข้าวกล้องภายในประเทศ ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือผู้ผลิตอาหารสัตว์ที่ต้องเผชิญปัญหาต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าราคาสูงขึ้น และช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงสีข้าวให้มีสภาพคล่องไปซื้อข้าวนาปี ปี 2564/2565 ที่กำลังจะออกสู่ตลาดในเดือนพฤศจิกายน 2564

“ประเด็นนี้ทางสมาคมโรงสี โดยนายรังสรรค์ สบายเมือง ได้เสนอขอให้ตัวแทนสมาคมอาหารสัตว์พิจารณาช่วยหันมาเพิ่มการรับซื้อข้าวเปลือกและข้าวกล้องในประเทศมากขึ้น จากเดิมที่ผู้ผลิตอาหารสัตว์ก็รับซื้ออยู่แล้วปริมาณปีละ 2 ล้านตัน แต่ด้วยปัญหาสถานการณ์ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ในตลาดโลกปรับสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะราคาข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ที่ผู้ผลิตอาหารสัตว์นำเข้าตอนนี้ขึ้นไปถึง กก.ละ 7-8 บาท ข้าวโพด 11 บาทกว่า ถั่วเหลืองอีก 18-19 บาท แพงกว่าราคาข้าวเปลือกตอนนี้ กก.ละ 8 บาท”

อาหารสัตว์

“ดังนั้น การมาซื้อจะช่วยให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์มีต้นทุนถูกลง ส่วนคุณค่าทางอาหารก็คงเดิม เพราะปกติถ้าผลิตในสัดส่วนเท่ากัน จะใช้ข้าวเปลือกก็ใช้แค่ 1 กก. แต่ใช้ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ถึง 1.5 กก. และต่อที่ 3 เกษตรกรจะได้ประโยชน์สูงสุด เพราะผลผลิตข้าวนาปีกำลังจะออกในเดือนหน้า ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าปีนี้ปริมาณเพิ่มขึ้น”

ทั้งนี้ ในที่ประชุมอยู่ระหว่างจะต้องหาข้อสรุปว่าจะต้องมีการเตรียมกำหนดปริมาณ และราคารับซื้อว่าควรอยู่ที่เท่าไร ซึ่งเบื้องต้นโดยฝั่งโรงสีเสนอปริมาณข้าวกล้อง 6 ล้านตัน หรือข้าวเปลือก 9 ล้านตัน ส่วนราคารับซื้อข้าวนั้น ข้าวกล้องขอให้อยู่ที่ราคาตันละ 12,000 บาท เพื่อจะทอนมาเป็นราคาข้าวเปลือกในระดับที่ไม่ต่ำมากนัก และเป็นระดับราคาที่แข่งขันได้กับต้นทุนการผลิตในตลาดโลก

ด้านร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เชิญกลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์ ผู้ประกอบการโรงสี และสมาคมชาวพืชไร่เพื่อหารือถึงแนวทางการดูแลวัตถุดิบอาหารสัตว์ เนื่องจากขณะนี้ปรับราคาสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการเลี้ยง การวางแนวทางรับซื้อวัตถุดิบในประเทศนี้จะช่วยเหลือทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงและผู้ผลิตอาหารสัตว์

ส่วนปริมาณเท่าไร ราคาเท่าไรนั้น ยังต้องรอผลการประชุมก่อน หากสำเร็จจะช่วยดูดซับซัพพลายผลผลิตข้าวออกจากตลาดด้วย เพราะมีการประเมินว่าผลผลิตข้าวปีนี้จะเพิ่มขึ้น

รายงานข่าวระบุว่า ทางสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้ประกาศปรับขึ้นราคาจำหน่ายสุกร (หมู) หน้าฟาร์มไปแล้ว 2 รอบ วันที่ 29 ก.ย. 64 และ 6 ต.ค. 64 ในราคารอบละ กก.ละ 4 บาท รวม 8 บาท ส่งผลให้ราคาหมูหน้าฟาร์ม จากก.ละ 60 บาท เป็นสูงสุด 77 บาท ส่งผลให้ราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดง ปรับขึ้นไป กก.ละ 3-5 บาท สูงสุดถึง 154 บาท ผลจจากต้นทุนการเลี้ยงสุกร คาดการณ์ไตรมาส 2-ไตรมาส 3/2564 ปรับสูงขึ้น และยิ่งเริ่มเทศกาลกินเจ และการทำตลาด plant based meat ส่งผลให้การบริโภคลดลง