เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม อิทธิพลจากพายุสองลูกที่พัดเข้าสู่ประเทศไทยติดต่อกัน สามารถดำเนินการขอเงินชดเชยจากกระทรวงเกษตรฯ สูงสุดครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ โดยพื้นที่เพาะปลูกแต่ละชนิดจะมีเกณฑ์การชดเชยแตกต่างกัน
วันที่ 15 ตุลาคม 2564 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากผลกระทบของพายุดีเปรสชั่นเตี้ยนหมู่ และพายุโซนร้อนคมปาซุ ที่กำลังจะพัดเข้าสู่ประเทศไทย ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยหลังสถานการณ์อุทกภัยเริ่มคลี่คลาย ได้เร่งสำรวจพื้นที่เกษตรที่ได้รับความเสียหายทันที เพื่อให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบได้รับการเยียวยาอย่างทันท่วงที
ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 มีหลักเกณฑ์ดังนี้
ด้านพืช ชดเชยครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ แบ่งอัตราเป็น
- ข้าว ไร่ละ 1,340 บาท
- พืชไร่และพืชผัก ไร่ละ 1,980 บาท
- ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่น ๆ ไร่ละ 4,048 บาท
ทั้งนี้ เกษตรกรที่จะได้รับความช่วยเหลือ จะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนเกิดภัยพิบัติ จึงจะได้รับการช่วยเหลือตามพื้นที่เสียหายจริง ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว เกษตรกรต้องยื่นแบบขอรับการช่วยเหลือ (กษ 01) โดยให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. หรือนายกเทศมนตรีรับรอง จากนั้นจะมีการตรวจสอบทะเบียนเกษตรกรและพื้นที่เสียหายจริง เพื่อช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป