“จุรินทร์” เกาะติดราคาน้ำมัน สั่งการห้ามขึ้นราคาสินค้า หาจุดสมดุลทั้งภาคขนส่ง ผู้ผลิต ผู้บริโภค คง B7 B10 B20 ไม่ให้กระทบชาวสวนปาล์ม และเตรียมความพร้อม ครม.สัญจร กระบี่ 15-16 พ.ย.นี้
วันที่ 21 ตุลาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สำหรับประเด็นปัญหาเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นนั้น ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ มีการดำเนินการก่อนหน้านี้แล้ว โดยมีการเชิญผู้ผลิตและผู้จำหน่าย
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
เช่น ห้างโมเดิร์นเทรดมาประชุมและขอให้ตรึงราคาสินค้าไว้ทั้งหมด และกระทรวงพาณิชย์ยังไม่อนุญาตให้สินค้าใด ขึ้นราคาเพราะจากการติดตามตรวจสอบต้นทุน แม้ราคาน้ำมันจะสูงขึ้น แต่ยังไม่ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
ทั้งนี้ การปรับขึ้นของราคาน้ำมันก็ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโลจิสติกส์ และเพื่อความสมดุลทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคไม่ให้ได้รับผลกระทบ ตนได้สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด ที่สำคัญต้องดูทั้งเรื่องราคาและปริมาณ โดยในทางปริมาณได้สั่งการและประสานงานไปยังผู้ผลิต สต๊อกของห้างสรรพสินค้าหรือโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ เตรียมการเบื้องต้นในการกระจายสินค้าและให้สินค้ามีเพียงพอแล้ว
ขณะที่หน่วยงานภาครัฐ ผู้ที่เกี่ยวข้อง จะไปเจรจากับผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อหาทางออกเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการว่าควรจะดำเนินการอย่างไร โดยการตรึงราคาน้ำมันโดยเฉพาะดีเซลไว้ที่ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำมาในทุกรัฐบาลและรัฐบาลนี้เดินหน้าตามแนวทางที่ได้ดำเนินการมาต่อไป
และยังให้คงน้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์ม B7 B10 และ B20 ไว้ เพื่อไม่ให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญจนกระทบราคาปาล์มน้ำมันของเกษตรกร รัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลทั้งผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการขนส่ง ภาคธุรกิจและเกษตรกรไปในเวลาเดียวกัน
ส่วนการลงพื้นที่จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ตนได้ร่วมประชุม กรอ.ที่จังหวัดสตูล ข้าราชการทุกภาคส่วนและภาคเอกชน ได้ข้อสรุปเพื่อเสนอต่อที่ประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดกระบี่ ที่จะมีในวันที่ 15-16 พ.ย.นี้ โดยมีจำนวน 11 โครงการ
แต่เบื้องต้นได้จัดลำดับความสำคัญโดยมี 3 โครงการ 1.โครงการสะพานสตูลนริศของมาเลเซีย ซึ่งอยากให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาและจัดงบประมาณดำเนินการในเรื่องนี้ 2.โครงการศูนย์บริการด้านการแพทย์ ที่เกาะหลีเป๊ะ 3.โครงการหอประชุมนานาชาติที่ดึงนักท่องเที่ยวและดึงการประชุมนานาชาติหรือการประชุมในประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพด้านเศรษฐกิจให้กับจังหวัดสตูล
และตนจะต้องประชุมทั้ง 6 จังหวัดอีกครั้งหนึ่งในฝั่งอันดามัน โดยมีจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล โดยจังหวัดสตูลประชุมจบแล้วเมื่อวาน และวันนี้จะไปประชุมที่จังหวัดตรัง ส่วนอีก 4 จังหวัด ตนติดตามมาตลอดว่ามีโครงการอะไรบ้าง แต่เชิญสรุปอีกรอบเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.สัญจรต่อไป