จุรินทร์ หารือประธานวุฒิสภาสวิส ดัน FTA ไทย-เอฟตา เป็นฉบับที่ 15 ของไทย

“จุรินทร์” หารือประธานวุฒิสภาสวิส ดัน FTA ไทย-เอฟตา เป็นฉบับที่ 15 ต่อจาก RCEP เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า ทำตลาดข้าวไทย

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประธานวุฒิสภาสมาพันธรัฐสวิส (นาย Alex Kuprecht) ขอเข้าเยี่ยมคารวะและหารือ ในความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศและความสัมพันธ์ทางการค้า ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติของสวิตเซอร์แลนด์ กับฝ่ายบริหารของกระทรวงพาณิชย์ประเทศไทย ว่า

ในการหารือมีความเห็นตรงกัน ที่ต้องการผลักดันความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association : EFTA) หรือเอฟตา ประกอบด้วย 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์

โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปี 2564 นี้จะเจรจาในระดับเจ้าหน้าที่ให้จบสิ้น และไตรมาสแรกของปี 2565 จะเดินหน้าเจรจาในแต่ละหัวข้อพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตั้งเป้าจะเจรจาให้จบเร็วที่สุด เพราะถ้าความตกลง FTA ไทย-เอฟตา เกิดขึ้นได้ จะมีประโยชน์ในเรื่องมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันของทั้ง 2 ฝ่าย

ขณะนี้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 13 ของประเทศไทย มีมูลค่าการค้ารวม ปี 2563 ประมาณ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากสถานการณ์โควิดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 มูลค่าการค้าลดลงเกือบครึ่งหนึ่งเหลือประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบประมาณ 42% เชื่อว่าถ้าความตกลงเกิดขึ้นได้ มูลค่าการค้าระหว่างกันจะเป็นบวก และจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะในเรื่องการส่งออกประเทศไทย

สินค้าสำคัญ เช่น ข้าวพรีเมี่ยม ข้าวคุณภาพสูง รวมทั้งอาหารสำเร็จรูปอาหารกระป๋อง อาหารแปรรูป และสินค้าที่เกี่ยวกับการบริการทางการแพทย์ เช่น เครื่องมือแพทย์ สินค้าเพื่อสุขภาพ ที่ไทยสามารถส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเอฟตาได้

“หากความตกลงสำเร็จ จะกลายเป็น FTA ฉบับที่ 15 ซึ่งปัจจุบันไทยมี FTA แล้ว 13 ฉบับ และกำลังจะมีฉบับที่ 14 เกิดขึ้นคือ RCEP ซึ่งประเทศไทยได้ยื่นให้สัตยาบันต่อสำนักงานเลขาธิการอาเซียนที่จาการ์ตาแล้ว และกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ต้องให้สัตยาบันไม่ต่ำกว่า 6 ประเทศ ซึ่งครบแล้ว และนอกกลุ่มอาเซียนมี 5 ประเทศให้สัตยาบันแล้ว 4 ประเทศ เป้าหมาย RCEP คือ ต้นปีหน้าน่าจะสามารถบังคับใช้ได้ ซึ่งจะกลายเป็น FTA ฉบับที่ 14 ของไทย และหากข้อตกลงนี้สำเร็จจะเป็นฉบับที่ 15 ต่อไป”