เอกชนส่อขึ้นราคาสินค้าหากอั้นไม่อยู่ วอนรัฐแก้ปัญหาพลังงาน-ตรึงค่าไฟฟ้า

ราคาน้ำมัน

ส.อ.ท. โอดต้นทุนพลังงานพุ่งทำต้นทุนการผลิตพุ่งตาม คาดอาจมีแนวโน้มปรับขึ้นราคาสินค้า วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง ตรึงค่า FT ไฟฟ้ายาว 1 ปี เผยหลังคลายล็อกเปิดประเทศ ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯฟื้น 2 เดือนต่อเนื่อง

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัญหาเรื่องของราคาพลังงานอย่างน้ำมันที่กำลังปรับราคาพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตอย่างมาก และมีบางรายการสินค้าที่ได้ขยับขึ้นราคาไปแล้ว

โดยคาดว่าหากราคาน้ำมันยังปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ภาครัฐยังปล่อยให้สูงต่อไป เอกชนอาจมีการปรับขึ้นราคาสินค้าเพิ่มเติมอีกแน่นอน เช่นเดียวกันกับที่ทาง กกพ. กำลังจะพิจารณาค่า FT ไฟฟ้าเร็ว ๆ นี้ ซึ่งทางเอกชนมองว่ารัฐควรตรึงราคาไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชนไปอีกระยะหนึ่งหรือประมาณ 1 ปี

ทั้งนี้ ยังมีสัญญาณที่ดีจากการคลายล็อกและเปิดประเทศ โดยจะเห็นได้จากผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 82.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 79.0 ในเดือนกันยายน 2564 โดยค่าดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในทุกขนาดอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาค ขณะที่องค์ประกอบของดัชนีฯเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ทั้งยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ยกเว้นต้นทุนประกอบการ

สำหรับปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่มีทิศทางดีขึ้นจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลง ขณะที่จำนวนผู้ได้รับวัคซีนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ต่อเนื่อง ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว ขณะที่อุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งสินค้าคงทน อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ฯ เครื่องจักรกลและโลหะการ เป็นต้น

รวมถึงสินค้าไม่คงทนประเภทอาหารและยา นอกจากนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเพื่อใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ในกลุ่มสินค้าอาหารและสินค้าแฟชั่น ส่งผลให้ดัชนีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการภาครัฐยังช่วยพยุงกำลังซื้อในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนีฯ อยู่ในระดับต่ำกว่า 100 สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับที่ไม่ดี ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับราคาวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้กระทบต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง ขณะที่ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้นำเข้า รวมทั้งปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และอัตราค่าระวางเรือสูงยังเป็นปัจจัยกดดันผู้ส่งออก
ซึ่งก็ได้คาดการณ์ดัชนีฯ 3 เดือนข้างหน้าว่า น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 95.0 จากระดับ 93.0 ในเดือนกันยายน 2564

โดยผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 แบบค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งนโยบายเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564, การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ สามารถเดินทางเข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว (ตามเงื่อนไข) รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2564 ขณะที่ภาคการส่งออกยังคงขยายตัวตามทิศทางเศรษฐกิจและการค้าโลก

ขณะเดียวกัน ได้เสนอให้ภาครัฐ เร่งรัดการฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนตามเกณฑ์ขั้นต่ำเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยเฉพาะจังหวัดที่เปิดรับนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ, ภาครัฐควรมีแผนรองรับการเปิดประเทศ และมาตรการด้านสาธารณสุขที่ชัดเจน เพื่อให้การเปิดประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งควรมีการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนรับทราบเพื่อสร้างความเข้าใจ

เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้มาตรการควบคุมโรค เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ, ขอให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาราคาพลังงาน ราคาวัตถุดิบ และค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อต้นทุนประกอบการภาคอุตสาหกรรม

สำหรับเรื่องของแรงงานต่างด้าวขณะนี้ภาคการผลิตยังคงขาดแคลน หลังจากที่มีการระบาดอย่างหนักของโควิด-19 ทำให้แรงงานกลับประเทศไปและยังไม่กลับมา ดังนั้นเมื่อกิจกรรมและการผลิตกลับมาดังเดิมความต้องการแรงงานก็ยังต้องมี ซึ่งเอกชนยังต้องการถึง 500,000 คน