หอการค้าเผยผลสำรวจการใช้จ่าย “วันลอยกระทง” ปีนี้ประหยัด เงินสะพัดแค่ 9,147 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 10 ปี เหตุกังวลโควิด – เงินในกระเป๋า ประกอบกับเศรษฐกิจพึ่งเริ่มฟื้นตัว
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงลอยกระทง สำรวจระหว่างวันที่ 8-12 พฤศจิกายน จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 1,240 คนทั่วประเทศ พบว่า ประชาชนจะออกไปลอยกระทงคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา โดย 51.6% ส่วนใหญ่จะออกไปลอยกระทง 31.1% ไม่ลอยอยู่บ้าน และ 12.7% ไม่แน่ใจ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ส่วนการใช้จ่ายในวันลอยกระทง พบว่าใช้จ่ายต่อคนเฉลี่ยอยู่ที่ 1,280 บาท ลดลงเมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,348 บาทต่อคน โดยการใช้จ่ายส่วนใหญ่จะใช้สำหรับค่าเดินทาง รัประทานอาหารนอกบ้าน สังสรรค์ เป็นต้น โดยการใช้จ่ายปีนี้ประชาชนจะประหยัดมากขึ้น ใช้จ่ายระมัดระวัง เนื่องจากยังกังวลรายได้ เศรษฐกิจอยู่ระหว่างการฟื้นตัว และปัญหาโควิดด้วย ซึ่งส่งผลต่อการใช้จ่ายของประชาชนลดลง ส่งผลให้คาดว่าในปีนี้เงินสะพัดในช่วงลอยกระทงอยู่ที่ 9,147 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่ปี 2554 ช่วงที่น้ำท่วมกรุงเทพฯ และหดตัว 3% โดยเป็นการหดตัวในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2560
อย่างไรก็ดี บรรยากาศลอยกระทงปีนี้จะคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา คนจะออกไปลอยกระทบมากขึ้นและจะใช้จ่ายประหยัด เนื่องจากยังมีปัจจัยของความกัววลในหลายประเด็น ขณะที่สิ่งที่ประชาชนต้องการขอช่วงลอยกระทง คือ ขอให้เศรษฐกิจดี การเมืองดี ครอบครัวมีความสุข ปลอดภัยจากโรคภัย สุขภาพแข็งแรง และขอให้พระราชินีในรัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ ทุกพระองค์ทรวงมีพลานามัยแข็งแรง
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า สำหรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4 หอการค้ามองว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกระทบ คือ ราคาน้ำมัน ราคาสินค้าแพงขึ้น การจับจ่ายประชาชนยังคงระมัดระวัง เนื่องยังกังวลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากโควิด การควบคุมโควิด ห่วงเงินในกระเป๋า แต่สำหรับใน 2 เดือนสุดท้ายของปี โควิดประชาชนมองว่าเริ่มคลี่คลายมากขึ้น การการฉีดวัคซีน จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง
ดังนั้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสุดท้ายรัฐบาลจำเป็นจะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ช้อปดีมีคืน ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเมื่ออกอมาได้ในช่วงปีใหม่จะทำให้มีเงินสะพัดประมาณ 30,000-50,000 ล้านบาท ส่วนคนละครึ่งเอกชนก็คาดหวังให้รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินให้ประชาชนอีก 1,500 บาท ซึ่งอาจจะใช้ในไตรมาส 1 ของปีหน้า จะทำให้เกิดการจับจ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจ การฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย การตรึงราคาน้ำมันที่ 30 บาทต่อลิตร ซึ่งรัฐบาลจะใช้วงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท ถึงสิ้นปี 2564 โดยจะต้องไม่ให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเกินไปกว่า 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา
อย่างไรก็ดี การคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2564 นี้หอการค้ายังประมาณว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัว 1-1.5% ส่วนในปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 4-5% โดยเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวดีได้ก็ประมาณไตรมาส 2 ของปีหน้า และกลับมาแข็งแรงได้ครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ก็ยังต้องติดตามปัจจัยที่กระทบด้วยโดยเฉพาะโควิดและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งราคาน้ำมัน ค่าเงินบาท แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ