“พนม ควรสถาพร” ถ่านหิน AGE ปรับตัวรับ COP26

พนม ควรสถาพร
พนม ควรสถาพร
สัมภาษณ์พิเศษ

“เอเชีย กรีน เอนเนอจี” หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้ากว่า 17 ปี เตรียมปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจสู่เทรนด์พลังงานสะอาดหลังการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 หรือ COP26 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร

ตั้งเป้าหมายการลดคาร์บอนให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี ค.ศ. 2065 “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “นายพนม ควรสถาพร” ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ AGE ถึงโมเดลธุรกิจใหม่ที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต

ราคา “ถ่านหิน” นิวไฮ

หลัก ๆ แล้วบริษัทจะนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศ 100% ส่วนใหญ่นำเข้าจากอินโดนีเซียเป็นหลัก เนื่องจากคุณสมบัติเหมาะสมกับเครื่องจักร อุปกรณ์ที่บริษัทในประเทศใช้และรับได้ในการเผาไหม้ ทั้งระยะทางใกล้ ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งได้ดี

นอกจากนี้ จะมีการนำเข้าบางส่วนจากรัสเซียและออสเตรเลียบ้าง เมื่ออินโดนีเซียลดการส่งออกเพื่อใช้ในประเทศมากขึ้นจากความต้องการใช้ในโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศ

“ในตอนนี้ราคาซื้อ-ขายในตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 150 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปรับลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ราคา 250 เหรียญสหรัฐต่อตัน บริษัทวางคำสั่งซื้อถ่านหินยาวจนถึงเดือนมกราคม 2565 จึงทำให้ทั้งปี 2564 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ 5.5 ล้านตัน”

โดยสัดส่วนการจำหน่ายของบริษัทเป็น 90% ขายในประเทศ และ 10% ส่งออกไปต่างประเทศ โดยยอดรายได้ในปี 2564 ขยับขึ้นมาแตะ 12,000 ล้านบาท จากเป้าเดิมที่วางไว้ 11,000 ล้านบาท ส่วนปี 2565 จะโตเพิ่มอีก 20%

ดีมานด์ถ่านหินยังสูง

ความต้องการถ่านหินยังมีต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีความต้องการด้านพลังงานมากขึ้น รวมไปถึงเวียดนามที่ความต้องการถ่านหินเนื่องจากการขยายตัวของโรงไฟฟ้าถ่านหินและการลงทุนในประเทศ แต่ต้องยอมรับว่าตลาดต่างประเทศแข่งขันกันสูง บริษัทจึงให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยบริษัทถือครองส่วนแบ่งในตลาดมากสุดจากจำนวนบริษัทที่ทำธุรกิจถ่านหินซึ่งมีเพียง 3 ราย

ด้วยการผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไม่เกิดขึ้น ส่งผลให้บริษัทเล็ก ๆ หลายรายต้องปิดตัวลงไป ปรับธุรกิจหรือรับซื้อถ่านหินจากเราแล้วนำไปใช้หรือจำหน่ายต่อ

“ธุรกิจถ่านหินของเราถือว่าครบวงจรและมีประสิทธิภาพสูงสุด ปัจจุบันเรามีทั้งลานเทกองที่รองรับถ่ายหินที่รับซื้อเข้ามา มีพื้นที่ปิดที่จะไม่ส่งผลกระทบให้กับชุมชนจากถ่านหิน มีท่าเรือ โลจิสติกส์ที่รองรับการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท”

“จากนี้สิ่งที่เราจะดำเนินการคือขยายธุรกิจบริการ ขนส่ง โลจิสติกส์ คลังสินค้า เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ในอนาคต มุ่งสร้างจุดแข็ง ขยายธุรกิจ และยังเชื่อว่ารายได้ยังโตทุกปี อนาคตโลจิสติกส์ก็จะเป็นหัวใจสำคัญให้กับธุรกิจได้ในอนาคต”

กางแผนลงทุนโลจิสติกส์

บริษัทมีแผนจะลงทุนในกลุ่มธุรกิจขนส่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคลังสินค้า ท่าเรือ เนื่องจากมีพื้นที่ตัวเองอีก 300 ไร่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา จะเตรียมลงทุนคลังสินค้า และบริษัทยังมีเรือ ท่าเรือก็พร้อมขยายและรองรับลูกค้าได้ในอนาคต โดยกลุ่มเป้าหมายของลูกค้า สินค้า ก็จะเป็นกลุ่มสินค้าเกษตร เช่น มันสำปะหลัง

บริษัทเตรียมศึกษาแผนการลงทุนในการสร้างคลังสินค้าให้เช่าเพิ่มเติม จากเดิมที่มีอยู่จำนวน 5 หลัง และการเปิดลานกองเก็บสำหรับให้ลูกค้าที่ไม่มีพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าได้ใช้บริการเช่าพื้นที่ ซึ่งคาดว่าจะเห็นการลงทุนในปี 2565 เพื่อรองรับการขยายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ในระยะยาว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลการดำเนินงาน

พลังงานสะอาดกระทบธุรกิจ

ด้วยประเทศไทยเป็นสมาชิก COP26 ทำให้บริษัทพร้อมปรับแผนธุรกิจ กลยุทธ์การทำตลาดเพื่อรองรับการลดคาร์บอน การปล่อยก๊าซ และด้วยบริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายถ่ายหินให้กับกลุ่มธุรกิจปูนซีเมนต์ โรงไฟฟ้า และโรงกระดาษ เป็นต้น

รวมไปถึงการส่งออกถ่านหินไปให้กับประเทศ เช่น จีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ เมียนมา เป็นต้น ส่งผลให้การทำธุรกิจของเราในอนาคตก็พร้อมที่จะปรับตัวและเพิ่มช่องทางธุรกิจและรายได้ให้กับบริษัทเติบโตไปได้อย่างเป็นเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม เรามองว่าความต้องการใช้ถ่านหินยังไม่ลดลงในระยะสั้น 4-5 ปีนี้ แต่จะใช้เวลาในการปรับตัวนานถึง 30 ปี เพราะเครื่องจักร อุปกรณ์ การออกแบบ เทคโนโลยีที่รองรับถ่านหินในปัจจุบันหากจะปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานอื่นทดแทนจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวและปรับปรุงอุปกรณ์และเครื่องจักรให้สอดคล้องกับพลังงานใหม่ ๆ ในอนาคต

ลุยธุรกิจพลังงานหมุนเวียน

แม้ว่าความต้องการถ่านหินไม่น่าจะลดลงได้ การจำหน่ายถ่านหินและส่งออกยังสามารถเติบโตและสร้างรายได้ แต่บริษัทได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 45% ร่วมกับบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 45%

และบริษัท แอพไพลแอ๊นซ์ เทคโนโลยี่ ซัพพลายส์ จำกัด (AP TECH) ที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 10% มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจด้านการจัดหาและให้บริการด้านสาธารณูปโภคแก่โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น การผลิตและจำหน่ายไอน้ำ ไฟฟ้า และน้ำใช้สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม โดยใช้เชื้อเพลิงถ่านหินหรือเชื้อเพลิงอื่น ๆ ในการผลิตตามความประสงค์ของลูกค้า

ปัจจุบันบริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัด ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้การลงทุนธุรกิจพลังงานเพื่อให้สอดรับกับนโยบายพลังงานปีหน้า ส่วนผลของรายได้ที่เกิดจากการร่วมทุนก็เห็นผลของรายได้แล้ว โดยบริษัทนี้จะเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่จะก่อให้เกิดรายได้และผลกำไรในอนาคต