ปลื้มกล้วยไทยใช้ FTA ส่งออกไปจีน-อาเซียนสำเร็จ

กรมเจรจาฯ ติดตามความสำเร็จโครงการ “ติดอาวุธเกษตรกรไทย บุกตลาดโลกด้วยความตกลงการค้าเสรี (FTA)” ปลื้ม! พบกล้วยแปรรูปแบรนด์ Chip & Chill ไทยเจาะตลาดจีนสำเร็จ

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยระหว่างการลงพื้นที่ติดตามความสำเร็จโครงการ “ติดอาวุธเกษตรกรไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วยความตกลงการค้าเสรี (FTA)” ที่จังหวัดสุโขทัย ว่า กรมได้หารือกับเกษตรกรและผู้ประกอบการบริษัท พิมพร บานาน่า อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด สมาชิกสหกรณ์กล้วยแปรรูปตำบลหนองตูม จำกัด ที่ได้ให้คำแนะนำและพัฒนาสินค้าช่องทางการตลาดเพื่อทำตลาดจีน จนประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะขยายไปใน สปป.ลาว กัมพูชา อนาคตจะขยายไปในตลาดญี่ปุ่นด้วย

บริษัทนี้เป็นผู้ผลิตกล้วยแปรรูปภายใต้แบรนด์ Chip & Chill โดยใช้วัตถุดิบในพื้นที่และจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีกำลังการผลิต 3,000 กิโลกรัมต่อวัน บริษัทให้ความสำคัญกับการยกระดับการผลิตสินค้า และได้ใช้ประโยชน์จาก FTA สร้างแต้มต่อขยายตลาดส่งออกไปจีน เนื่องจากจีนไม่เก็บภาษีศุลกากรกับกล้วยแปรรูปที่ส่งออกจากไทยภายใต้ FTA อาเซียน-จีน

ปัจจุบันได้เปิดร้านไทยพาวิลเลี่ยน จำกัด จำหน่ายสินค้าในสนามบินต้าชิง กรุงปักกิ่ง และผ่านช่องทางออนไลน์บนแพลตฟอร์ม “เถาเป่า” และ “พินตัวตัว” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ขนาดใหญ่ของจีน ทำให้มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีรายได้กว่า 1.64 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างมาก

ปัจจุบันไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกผลไม้ อันดับที่ 7 ของโลก โดยเฉพาะผลไม้เมืองร้อนยอดนิยม ได้แก่ ทุเรียนสด มังคุดสด และลำไยสด จนทำให้ไทยครองแชมป์ผู้ส่งออกอันดับที่ 1 ของโลก โดยในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 2564) ไทยส่งออกผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและผลไม้แห้ง ไปทั่วโลกมูลค่า 5,165 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยส่งออกไปตลาดคู่ FTA มูลค่า 4,998 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (สัดส่วน 97% ของการส่งออกผลไม้ทั้งหมด) ประเทศที่การส่งออกผลไม้ไทยขยายตัว เช่น จีน ส่งออก 4,342 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขยายตัว 81%) มาเลเซีย ส่งออก 72 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขยายตัว 129%) อินโดนีเซีย ส่งออก 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขยายตัว 106%) เกาหลีใต้ ส่งออก 36 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขยายตัว 41%) และญี่ปุ่น ส่งออก 22 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขยายตัว 9%) เป็นต้น

ส่วนผลไม้ส่งออกสำคัญและขยายตัวได้ดี อาทิ ทุเรียนสด ขยายตัว 67% มังคุดสด ขยายตัว 15% ลำไยสด ขยายตัว 54% และมะม่วงสด ขยายตัว 53%

ทั้งนี้ ภายใต้ FTA ของไทยที่มีผลใช้บังคับแล้ว 13 ฉบับ กับ 18 ประเทศ ปัจจุบัน 12 ประเทศคู่ FTA ได้แก่ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู บรูไนฯ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา และฮ่องกง ได้ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าผลไม้สดผลไม้แช่แข็งและผลไม้แห้งทุกรายการจากไทยแล้ว

สำหรับอีก 6 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าผลไม้ส่วนใหญ่ให้ไทยเช่นกัน นอกจากนี้ ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในต้นปี 2565 ไทยได้ผลักดันให้ประเทศคู่ค้าเปิดตลาดสินค้าผลไม้สดและผลไม้แปรรูปเพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น เกาหลีใต้ ลดภาษีนำเข้าทุเรียน

ซึ่งปัจจุบันเก็บภาษีที่อัตรา 36% โดยจะทยอยลดลงปีละ 4.5% จนเหลือศูนย์ในปีที่ 10 หลังจากที่ความตกลงใช้บังคับ (ปี 2574) และจะทยอยลดภาษีนำเข้า มังคุด ฝรั่ง มะละกอ อินทผาลัม และเปลือกส้ม ซึ่งปัจจุบันเสียภาษีที่อัตรา 24% จนเหลือศูนย์ในปีที่ 10 หลังจากที่ความตกลงบังคับใช้ (ปี 2574) รวมถึงผลไม้อื่นๆ อาทิ ทุเรียนอบแห้ง ลิ้นจี่อบแห้ง และมะละกออบแห้ง จากที่ปัจจุบันเสียภาษีอัตรา 36% จนเหลือศูนย์ในปีที่ 15 หลังจากที่ความตกลงมีผลบังคับใช้ (ปี 2579)

สำหรับกล้วยแปรรูป ในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 2564) ไทยส่งออกสู่ตลาดโลกมูลค่า 4.26 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่งออกไปตลาดคู่ FTA มูลค่า 0.85 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตลาดส่งออกสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย จีน แคนาดา และญี่ปุ่น เป็นต้น ปัจจุบัน 16 ประเทศคู่ FTA

ได้แก่ อาเซียน จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี และเปรู ไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้ากล้วยแปรรูปจากไทยแล้ว เหลือเพียงอินเดียที่เก็บภาษีกล้วยแปรรูปที่อัตราร้อยละ 30 และเกาหลีใต้ที่เก็บภาษีในอัตรา 36% สำหรับภายใต้ความตกลง RCEP เกาหลีใต้ลดภาษีนำเข้ากล้วยแปรรูปเพิ่มเติมให้ไทย โดยกล้วยที่ทำไว้ไม่ให้เสียโดยน้ำตาลจะทยอยลดลงจนเป็นศูนย์ในปีที่ 15 หลังความตกลงมีผลบังคับใช้ ส่วนกล้วยบรรจุในภาชนะที่อากาศเข้าออกไม่ได้ จะทยอยลดลงจนเป็นศูนย์ในปีที่ 20 หลังความตกลงมีผลบังคับใช้