จุรินทร์ชี้ส่งออกไทยปี’64 โตเกินเป้าทั้งปีได้ 16%

จุรินทร์เผยตัวเลขการส่งออกไทยเดือน ต.ค. 2564 ขยายตัว 17.4% โตต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ผลจากการผลักดันการส่งออก สินค้า ข้าว  ยางพารา ผลไม้สด ขยายตัวไปได้ดี  มั่นใจการส่งออกเกินเป้าหมาย 4% โดยขยายตัว 15-16% ในปี 2564 นี้

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือนตุลาคม 2564 พบว่า  มีมูลค่า 22,738.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (750,016 ล้านบาท) ขยายตัว 17.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน  และเป็นการโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564

แต่ทั้งนี้ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 12.2% โดยการส่งออกของไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางสภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ประเทศคู่ค้าของไทยมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากการเติบโตทั้งในสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม

ขณะที่การนำเข้าเดือนตุลาคม 2564 พบว่ามีมูลค่า 23,108.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 34.6%  ส่งผลให้ไทยมีดุลการค้าขาดดุล 370.2 ล้านเหรียญสหรัฐ  ภาพรวมการส่งออก 10 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออก มีมูลค่า 222,736.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 15.7%  แต่เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยขยายตัว 19.6% สะท้อนการเติบโตของภาคเศรษฐกิจจริง ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 221,089.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 31.3% ทำให้ไทยมีดุลการค้า 10 เดือนแรก เกินดุล1,646.6 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ดี คาดว่าการส่งออกในช่วงที่เหลือของปียังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง เฉลี่ย 2 เดือนน่าจะอยู่ที่  22,738 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะส่งผลให้การส่งออกทั้งปีของไทยขยายตัว 15-16% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 268,696-266,379 ล้านเหรียญสหรัฐ  ซึ่งขยายตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 4%

ทั้งนี้ แผนผลักดันการส่งออก ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย และมีจำนวนประชากรได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น จะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การบริโภค และการส่งออกเติบโตอย่างไปในทิศทางที่ดีขึ้น

สำหรับกลุ่มสินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ 1) สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยางพารา น้ำมันปาล์ม น้ำตาลทราย อาหารสัตว์เลี้ยง และสิ่งปรุงรสอาหาร 2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ เตาอบไมโครเวฟ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องโทรศัพท์และอุปกรณ์

3) สินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ 4) สินค้าขั้นกลางหรือสินค้าวัตถุดิบ เช่น เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ยางยานพาหนะ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และ 5) สินค้าคงทนหรือสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีราคาสูง เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ยังขยายตัวได้ดี

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า  เมื่อดูเป็นรายการสินค้า  การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 18.2% (YOY) ขยายตัวต่อเนื่อง 11 เดือน สินค้าที่ขยายตัวดีได้แก่ ยางพารา ขยายตัว 51.7% 


ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง แห้ง กระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 28.7%  ข้าว ขยายตัว 33.7% สินค้าที่หดตัว ได้แก่  อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป หดตัว 14.2%  ไก่แปรรูป หดตัว 18.9% เป็นต้น  ทำให้ 10 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 14.8%

การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม  ขยายตัว  13.9% (YOY)  สินค้าที่ขยายตัวดีได้แก่ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ขยายตัว 67.3%  รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัว 10.3%  สินค้าที่หดตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง

หดตัว 4.6%  อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด หดตัว 6.3% เป็นต้น  10 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 14.5%

สำหรับแนวโน้มและแผนส่งเสริมการส่งออกปี 2564 มีแนวโน้มขยายตัวดี  ผลจากทิศทางการค้าโลกขยายตัวต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4  ค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า  ช่วยเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันด้านราคาให้กับสินค้าไทย  การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการเตรียมเปิดประเทศในหลายประเทศ ส่งผลดีต่อภาคการค้า  ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ตามอุปสงค์ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก ช่วยสนับสนุนการส่งออกสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์และมูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์การค้าชายแดนเริ่มคลี่คลาย โดยด่านการค้าสำคัญจะกลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้ง

สำหรับแผนส่งเสริมการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” และแผนงานของกระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดไว้ มาตรการส่งเสริมการส่งออกในระยะถัดไป ได้แก่ การผลักดันการส่งออกมันสำปะหลังไทยให้มีคุณภาพอันดับ 1 ของโลก ตามยุทธศาสตร์มันสำปะหลังไทยปี 2564-2567 การเร่งรัดความตกลง RCEP ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว หลังจากที่ไทยยื่นให้สัตยาบันแล้ว เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าไทย

การเจรจาเปิดด่านการค้าสำคัญเพื่อลดอุปสรรคการส่งออกหลังวิกฤติโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย รวมไปถึงการเดินหน้าตามแผนรักษาตลาดเดิม สร้างตลาดใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่าที่เสียไป โดยมีกระทรวงพาณิชย์ ทีมเซลล์แมนประเทศและ กรอ.พาณิชย์ ที่จะร่วมกันเดินหน้าผลักดันการส่งออกของไทย ให้ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องไปพร้อมกับการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจโลกหลังวิกฤติโควิด-19  ส่วนทิศทางการส่งออกในปี 2565 นั้นอาจจะต้องรอประเมินกับทุกภาคส่วนก่อนถึงจะเห็นแนวโน้มและเป้าหมายตัวเลขในปีหน้าได้