รุมสกรัม “พลังงาน” แก้น้ำมันป่วนไม่เลิก

น้ำมัน+รถบรรทุก

รถบรรทุก-ชาวสวนปาล์ม รุมทึ้งพลังงานแก้ปมน้ำมันแพง สมาพันธ์ขนส่งยื่น 2 เงื่อนไขขีดเส้น 2 สัปดาห์ยกระดับมาตรการขั้นรุนแรงหยุดวิ่ง 100% ด้านชาวสวนเดินหน้าพบสุพัฒนพงษ์ จี้รับผลกระทบ 4 เดือนสูญ 2 พันล้าน

นายมานัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ทางสมาพันธ์จะนำคณะ 30 คนเข้าพบรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) เพื่อขอทราบความชัดเจนเรื่องนโยบายของกระทรวงพลังงานหลังจากที่มติคณะกรรมการ กบง.ปรับสูตรการผลิตไบโอดีเซล 3 สูตร บี 7 บี 10 และบี 20 เหลือแค่บี 7

แต่ทราบมาว่าทางกระทรวงกำลังพิจารณาเงื่อนไขตามที่ผู้ประกอบการรถบรรทุกขอปรับลดสูตรเหลือบี 3 ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อชาวสวน เพราะการปรับลดสูตรทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบในการผลิตลดลงเดือนละ 17,000 ตัน

รวม 4 เดือนที่มาตรการนี้บังคับใช้จะทำให้ความต้องการใช้ CPO หายไป 68,000 ตัน คิดเป็นผลปาล์ม 370,000 ตัน

หากคิดมูลค่า กก.ละ 6 บาท เท่ากับเสียหาย 2,000 ล้านบาท และความชัดเจนว่าหากผลผลิตปาล์มทะลักออกสู่ตลาดจำนวนมาก จะมีมาตรการดูแลเกษตรกรอย่างไร จะกลับไปใช้น้ำมัน CPO ผลิตเป็นไบโอดีเซลบี 10 โดยอัตโนมัติหรือต้องเข้าคณะกรรมการใดก่อน

“ตอนนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มลดลงแล้ว 71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล การปรับนโยบายจะเป็นอย่างไร หากปรับราคาแล้วถ้าน้ำมันราคาลง กลุ่มขนส่งจะปรับลดราคาหรือไม่ อดีตน้ำมัน 19-20 บาท ราคาก็เท่านี้ 40 สตางค์ต่อ กม. ไม่เคยลดลง”

“และที่ผ่านมากลุ่มรถบรรทุกนำข้อมูลไปบิดเบือนกล่าวหาชาวสวนปาล์มให้ประชาชนเข้าใจว่าชาวสวนเห็นแก่ตัว และน้ำมันดีเซลบี 10 บี 20 ใช้แล้วเครื่องยนต์พังซึ่งมันไม่ถูกต้อง ทำไมกระทรวงปล่อยเขามากล่าวหาแบบนั้น เหมือนรวมกันมาทุบไบโอดีเซล ทั้งที่ตอนที่ส่งเสริมใช้เวลานานกว่าจะสำเร็จ”

ขณะที่นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสมาพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางกระทรวง โดยมีเงื่อนไข 2 ข้อ คือ การปรับลดราคาน้ำมันดีเซล 28 บาท ยังไม่เพียงพอจำเป็นต้องเสนอให้รัฐพิจารณาปรับลดภาษีสรรพสามิต และปรับสูตรเพื่อลดสัดส่วนการใช้น้ำมันไบโอดีเซลจากบี 7 เหลือบี 3 หลังจากครบกำหนด 4 เดือนในเดือน มี.ค.

เพราะขณะนี้สถานการณ์ราคาปาล์มในตลาดโลกดีขึ้น ควรจะผลักดันให้เพิ่มการส่งออกน้ำมันปาล์มไปก่อนก็จะสมดุล

แต่หากไม่มีมาตรการเพิ่มเติมใดออกมายังคงระดับราคาน้ำมันดีเซลที่ 28 บาทต่อลิตร ภาคการขนส่งก็จำเป็นต้องปรับขึ้นราคา หากดูแลระดับราคาได้เป็นลิตรละ 26 บาท การปรับราคาก็จะไม่ต้องถึง 10% ต้องมาพิจารณาอีกครั้งว่าปรับเท่าไรจึงจะเหมาะสม

ทั้งนี้ ทางสหพันธ์จะตรึงราคา 10-15 วัน นับจากวันที่ 1 ธ.ค. แต่ขั้นรุนแรงที่สุดหากไม่ได้รับการพิจารณามาตรการตามที่ได้เรียกร้อง ก็จำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด คือ การหยุดวิ่งรถบรรทุก 100% ในกลุ่มสมาชิกสหพันธ์จาก 10 สมาคม ซึ่งมีสมาชิก 4 แสนคัน เป็นเวลา 7 วัน

“เหตุที่เราไม่ขอคูปองน้ำมันหรือมาตรการอื่นมาช่วย เพราะมาตรการดูแลราคาน้ำมันนี้ควรได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึงไม่ใช่เฉพาะภาคขนส่ง ประชาชนก็ได้ด้วย เราออกมาเรียกร้องไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นเพราะเดือดร้อนจากต้นทุนเพิ่มขึ้น รายได้ลดลงจนแทบไม่พอจะผ่อนรถ เดือนละ 7-8 หมื่นต่อคัน”

“เดิมเคยได้เดือนละ 1.5 แสนบาท แต่ทุกวันนี้ไปกลับต่างจังหวัดใช้เวลา 2-3 วัน เหลือเงินแค่ 1,000 บาทต่อเที่ยว ทั้งเดือนเหลือ 6-7 หมื่น ไม่พอผ่อนและยังต้องแบกรับค่าบำรุงรักษา ยางอะไหล่รถทุกอย่างปรับขึ้นหมด ถ้าธุรกิจไม่คุ้มทุนก็หยุดวิ่งเท่านั้นเอง หากรัฐจะใช้รถทหารหรืออื่น ๆ มาใช้ขนส่งสินค้าแทนก็สามารถทำได้เลย จะยิ่งเป็นการดี เพราะรัฐจะได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงด้วยตัวเอง”