พพ.ควักงบฯ 430 ล้าน จูงใจโรงงาน-ขนส่ง ลดปล่อยคาร์บอน 1 แสนตัน/ปี

พพ.ทุ่มงบให้โรงงานลงทุนลดคาร์บอน
ภาพจาก Pixabay

พพ.รุกแผนอนุรักษ์พลังงาน อัดงบฯ 430 ล้านบาท จูงใจโรงงานและภาคขนส่ง ลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพใช้พลังงาน 20-30% ของเงินลงทุน ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า  1 แสนตันคาร์บอน/ปี 

วันที่ 13 ธันวาคม 2564 นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า พพ.อยู่ระหว่างการเร่งขับเคลื่อนมาตรการเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร และขนส่ง ผ่าน 2 โครงการหลัก

ได้แก่ โครงการสนับสนุนการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยน ปรับปรุง เครื่องจักร วัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร

โดยมีวงเงินสนับสนุนรวมกว่า 430 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม อาคาร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการภาคเกษตรกรรม ธุรกิจ Startup และภาคขนส่ง ได้เกิดลงทุนปรับเปลี่ยน ปรับปรุง เครื่องจักรวัสดุ อุปกรณ์เพื่อการประหยัดพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม และพร้อมผลักดันให้หน่วยงานที่ร่วมโครงการ เป็นต้นแบบมาตรการอนุรักษ์พลังงานที่ประสบผลสำเร็จ เพื่อขยายผลต่อไป

ทั้งนี้ วงเงินสนับสนุนดังกล่าว พพ.จะสนับสนุนเงินลงทุน แบ่งเป็น ให้แก่กลุ่มโรงงาน อาคารควบคุม 20% กลุ่มผู้ประกอบการเกษตรกร กลุ่มธุรกิจ Startup จะสนับสนุนเงินลงทุน 30% โดยจะสนับสนุนวงเงินสูงสุดไม่เกิน 3,000,000 บาทต่อราย และสนับสนุนเงินในภาคขนส่ง 30% วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

ซึ่งนอกจากผลักดันให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานที่เป็นรูปธรรมแล้ว จะช่วยกระตุ้นตลาดการซื้อขายเครื่องจักร อุปกรณ์ วัสดุเพื่อการประหยัดพลังงาน สร้างเงินลงทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 2,300 ล้านบาท เกิดผลประหยัดพลังงานในภาพรวมสูงถึง 764 ล้านบาท/ปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1 แสนตันคาร์บอนต่อปี และเป็นก้าวสำคัญผลักดันให้ประเทศไทยพร้อมก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคตอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังสามารถต่อยอดโอกาสสู่การซื้อขายเครดิตคาร์บอนได้อีกด้วย

สำหรับตัวอย่างมาตรการส่งเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ผ่านมา เช่น มาตรการปรับเปลี่ยนเครื่องทำความเย็น (Chiller) จะช่วยให้เกิดผลประหยัด 35% มาตรการปรับเปลี่ยนปั๊มลม เกิดผลประหยัด 45% มาตรการเปลี่ยนมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง เกิดผลประหยัด 25% และในส่วนของภาคขนส่ง มาตรการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ ประหยัด 60% มาตรการเปลี่ยนตู้บรรทุก ประหยัด 40% เป็นต้น โดยมีระยะคืนทุนเฉลี่ย 3 ปี

“หลังจากการประชุม COP26 ที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ประกาศเป้าหมายให้ไทยมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โครงการดังกล่าวจะช่วยให้ภาคเอกชนเกิดแรงจูงใจในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น ซึ่งบริษัทรายใหญ่หลายบริษัทเริ่มเดินหน้าแล้วจะเห็นได้ว่าองค์กรต่าง ๆ ก็พร้อมชูนโยบายลดคาร์บอนเป็นเรื่องหลัก ซึ่งอนาคตสามารถซื้อขายคาร์บอนเครดิต มูลค่าไม่น้อย”

อย่างไรก็ตาม ในส่วนมาตรการส่งเสริมด้านการเงินเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ที่ผ่านมา พพ.ได้มีความร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ การลงนาม MOU ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ซึ่งจะร่วมกันให้ความรู้ผู้ประกอบการ SMEs

โดย พพ.จะสนับสนุนความรู้ด้านมาตรการอนุรักษ์พลังงาน-พลังงานทดแทน และ SCB จะให้ข้อมูลการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และความเสี่ยงจากการลงทุน และยังมีการลงนาม MOU ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. จะร่วมกันสนับสนุนให้เกษตรกร บุคคลทั่วไป ธุรกิจชุมชน ให้เกิดการลงทุนโครงการใช้พลังงานทดแทน พลังงานสะอาด และการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อลดต้นทุนการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลผลิต หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์

และการลงนาม MOU ร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SMED Bank เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุน สร้างองค์ความรู้ด้านอนุรักษ์พลังงาน และการใช้พลังงานทดแทนต่อไป