ดอนยอมถอย หารือ CPTPP 3 ฝ่าย ก่อนชง ครม.ตัดสินใจ

ส่งออก

“ดอน” ยอมถอย เปิดอกหารือ 3 ฝ่าย FTA Watch-เอกชน เตรียมกางผลศึกษาแลกเปลี่ยนความเห็นก่อนตัดสินใจร่วมเจรจา CPTPP ย้ำยังยึดกรอบเวลาต้องเหมาะสม ด้านแกนนำ FTA Watch พอใจ รัฐเบรกนำ CPTPP เข้า ครม. ด้าน “สนั่น” หวังการหารือนี้เป็นจุดเริ่มต้นสู่การตัดสินใจเพื่ออนาคตประเทศ

วันที่ 20 ธันวาคม 2564 นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการหารือกับภาคประชาสังคม นำโดย FTA Watch และนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่สวนชีววิถี ไทรม้า นนทบุรี ช่วง 09.00-12.00 น. วันนี้ (20 ธ.ค. 2564) ถึงแนวทางออกในการตัดสินใจเข้าร่วมการเจรจาความตกลง CPTPP

ดอน ปรมัตถ์วินัย
ดอน ปรมัตถ์วินัย

ว่าการพบปะครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรกหรือครั้งสุดท้าย จะมีการเชื่อมโยงให้มีการพบปะกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการพบครั้งนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือในอีกหลายด้านเรื่องชีววิถี บีซีจีซึ่งถือเป็นนโยบายหลักเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล โดยรัฐต้องขอขอบคุณเอฟทีเอวอทที่ให้ความสนใจเรื่อง CPTPP  โดยจากนี้เราจะดูข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดที่เคยศึกษาและปรับข้อมูลให้มีความชัดเจน ข้อคิดเห็นต่าง ๆ ที่มีการเสนอเข้ามา

อย่างไรก็ตามทุกอย่างต้องทำภายในกรอบระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะกรอบเวลาก็มีส่วนสำคัญ ภาครัฐจะมีการเร่งรัดเรื่องนี้ ไม่ยื้อไปเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายคือ ถ้าเสียงตอบรับมาในทางที่ดีก็จะทำให้การดำเนินการของเราไปต่อได้ในช่วงเวลาพอสมควร ซึ่งเราต้องพยายามไม่ให้เรื่องเหล่านี้ล่าช้าจนเกินไป เพราะมันมีปัจจัยต่าง ๆ มาเกี่ยวข้อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องที่เราจะต้องไปเจรจากับ 11 ประเทศเท่านั้น แต่มันยังมีเรื่อง นานาประเทศที่สนใจจะเข้าร่วม CPTPP ฉะนั้นความน่าสนใจมันจะมีมากขึ้น ถ้าเราช้าก็จะไม่ได้เป็นประโยชน์เท่าที่ควร

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ในฐานะหนึ่งในแกนนำกลุ่ม FTA Watch กล่าวว่า การพบกันครั้งนี้เป็นไปได้เราก็เอาข้อมูลมาแลกเปลี่ยนกัน ท่านให้ความมั่นใจว่าจะยังไม่นำเรื่องนี้เข้า ครม.จนกว่าเราจะได้แลกเปลี่ยนหารือจนลดความกังวล โดยจะเอาข้อมูลศึกษาร่วมกันก่อน และถ้ายังมีประเด็นการขัดแย้งก็จะยังไม่เป็นประโยชน์ที่จะนำเข้าไป เรื่องนี้เป็นประเด็นที่สำคัญ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)  ก็รู้สึกว่าดีใจมากที่ภาครัฐได้ทำหน้าที่รับฟังเสียงสะท้อนจากภาคประชาสังคมและภาคธุรกิจ ภาครัฐเปิดใจ การสร้างความร่วมมือ นำไปสู่การตัดสินใจทุกอย่างคงอยู่ในพื้นฐานการมีข้อมูลที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับทุกคน  ผมว่าคนส่วนใหญ่ถ้าเห็นด้วยแล้วคงจะมีข้อสรุปในการตัดสินใจที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย