ดันเกษตรกรใช้กรมธรรม์ประกันภัย คู่ประกันรายได้ ต่อยอดพืชอนาคต ทุเรียน กัญชา

เฉลิมชัยจับมือ คปภ. MOU พัฒนาประกันภัยการเกษตร ชูแนวทาง “สร้าง เสริม ยก” อัพเกรดคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย ต่อยอดให้เกษตรกรเข้าร่วมกรมธรรม์ประกันภัยสินค้าเกษตร ควบคู่ไปนโยบายประกันรายได้ นอกเหนือจากข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลดเสี่ยงราคาผันผวน สู่ทุเรียน ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง ต้นไม้ โคเนื้อ และโคนม รวมไปถึงกัญชาในอนาคต

วันที่ 22 ธันวาคม 2564 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เกษตรกรต้องเผชิญกับความเสี่ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติ ความผันผวนของราคา ความไม่แน่นอนของตลาด รวมไปถึงวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินนโยบายเพื่อยกระดับรายได้ของเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับการยกระดับประสิทธิภาพการผลิต สร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน

รวมไปถึงพัฒนารูปแบบและคุณภาพให้ตรงกับความต้องการของตลาด ควบคู่ไปนโยบายประกันรายได้เกษตรกรและโครงการประกันภัยสินค้าเกษตรที่สำคัญ เพื่อช่วยให้เกษตรกรกว่า 7 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 30 ล้านราย มีรายได้ที่แน่นอนและมั่นคง สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรม อันเป็นรากฐานที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจไทยต่อไปได้ ท่ามกลางความเสี่ยงที่ยังต้องเผชิญรอบด้าน

จึงมีความยินดีที่ 2 หน่วยงาน คือ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้จับมือกัน นำความรู้ ความชำนาญ และความเชี่ยวชาญสร้างความร่วมมือทางวิชาการและการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการประกันภัยการเกษตร ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น และโอกาสที่ดีที่จะร่วมกัน ในการพัฒนาระบบประกันภัยสินค้าเกษตรอย่างยั่งยืน ออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์และสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาใช้การประกันภัยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการบริหารจัดการความเสี่ยงในการทำการเกษตร ถือเป็นการต่อยอดจากนโยบายที่ได้ดำเนินอยู่เดิม ซึ่งล้วนเป็นความมุ่งมั่นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะ “สร้าง เสริม ยก” ไปด้วยกัน

ด้านนายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กล่าวว่า สศก.มีความประสงค์ที่จะขยายขอบเขตของการประกันภัยในปัจจุบันไปสู่สินค้าเกษตรชนิดอื่น ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือ ดูแล และคุ้มครองพี่น้องเกษตรกรไทย นอกเหนือไปจากข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามนโยบายของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจ พืชรอง หรือสินค้าเกษตรที่มีอนาคตทางการตลาดสูง รวมถึงต่อยอดกรมธรรม์ประกันภัยสินค้าเกษตรที่เอกชนเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว  (ทุเรียน ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง ต้นไม้ โคเนื้อ และโคนม รวมไปถึงกัญชาในอนาคต)

โดย สศก.จะร่วมกับ คปภ.ดำเนินการภายใต้ “คณะกรรมการความร่วมมือพัฒนาระบบประกันภัยการเกษตร” เพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางในการดำเนินการ สร้างทีมงานร่วมมือทางด้านวิชาการ คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ ๆ โดยศึกษาข้อมูล อย่างครอบคลุม ครบทุกมิติความเสี่ยง ทั้งความผันผวนของปริมาณผลผลิต ราคา ตลาด และความต้องการของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งสร้างแรงจูงใจ สนับสนุนให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบการคุ้มครองความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ หันมาใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทางการเงินของตนเอง

ขณะที่ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กล่าวว่า ความร่วมมือกับ สศก.ในวันนี้ นับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่ง ที่จะผลักดันประกันภัยด้านการเกษตรให้ประสบผลสำเร็จ และบริหารจัดการความเสี่ยงในการทำการเกษตรของเกษตรกรแบบครบวงจร สร้างความเข้มแข็งแก่ภาคเกษตรกรรมของประเทศ

ซึ่งที่ผ่านมา คปภ.ได้ให้ความสำคัญ และส่งเสริมการประกันภัยด้านการเกษตร มาอย่างต่อเนื่อง โดยสนับสนุนภาคธุรกิจประกันภัย ดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ครอบคลุมพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ อาทิ การประกันภัยข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้ง ตลอดจนต่อยอดไปยังพืชผลชนิดอื่น ๆ ให้กับเกษตรกร และพร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตามภูมิภาคหรือพื้นที่เฉพาะ เช่น การประกันภัยทุเรียนภูเขาไฟ การประกันภัยประมง เป็นต้น


อีกทั้ง คปภ.ได้ร่วมกับศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาวิจัยเพื่อยกร่างกฎหมายการประกันภัยทางด้านเกษตรกรรมให้มีรูปแบบที่ชัดเจน มีความยืดหยุ่น  เพื่อให้เกษตรกรมีเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์โรคระบาด หรือภัยธรรมชาติ