สมาคมฯ ยาสูบโอดบุหรี่เถื่อนพุ่ง

สมาคมการค้ายาสูบไทยเปิดเผยยอดบุหรี่เถื่อนพุ่งกระฉูดหลังปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ ทำให้เกิดช่องว่างราคาเพิ่มขึ้นระหว่างบุหรี่เถื่อนกับบุหรี่ถูกกฎหมาย เฉพาะช่วงกันยายน–พฤศจิกายนปีนี้มีรายงานจับบุหรี่เถื่อนได้แล้วอย่างน้อย 43 ล้านมวน โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน เรียกร้องภาครัฐปราบปรามอย่างเข้มข้น แก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ

นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทยเผยว่า “จากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ที่เริ่มมีผลเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ราคาบุหรี่ที่ถูกกฎหมายส่วนใหญ่สูงขึ้นซองละ 10-30 บาท เปิดช่องให้บุหรี่เถื่อนทะลักเข้ามาตามแนวชายแดนมากขึ้นจากช่องว่างราคาที่เพิ่มขึ้น ตอนนี้บุหรี่ถูกกฎหมายราคาถูกที่สุดก็ซองละเกือบ 60 บาท ขณะที่บุหรี่เถื่อนขายกันซองละ 20-30 บาท ราคาที่จูงใจเช่นนี้ทำให้มีความต้องการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนกันมากขึ้น”

“สมาคมการค้ายาสูบไทย ได้ย้ำมาโดยตลอดถึงปัญหาที่ตามมาจากการปรับโครงสร้างหรือขึ้นภาษีบุหรี่ นั่นก็คือ ปัญหาบุหรี่เถื่อนระบาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลขึ้นภาษีบุหรี่ทุกปี คือเมื่อ ก.พ. 2559 และ ก.ย. 2560 และในปี 2561 ก็จะมีภาษีกองทุนผู้สูงอายุมาเพิ่มอีก ทำให้ตลาดบุหรี่ต้องเผชิญสถานการณ์ที่ผันผวนมาตลอด” นางวราภรณ์กล่าว

สำหรับสัดส่วนการบริโภคบุหรี่เถื่อนในประเทศไทยมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2557 – 2559 โดยในปี 2559 มีสัดส่วนการบริโภคบุหรี่เถื่อนประมาณ 2.5% ของบุหรี่ทั้งหมดหรือเท่ากับ 830 ล้านมวน ทำให้ภาครัฐต้องสูญเสียรายได้ภาษี 1,800 ล้านบาท

ในช่วงกันยายน – พฤศจิกายน 2560 มีรายงานข่าวการจับกุมบุหรี่เถื่อนได้แล้วเกือบ 43 ล้านมวน สูญเสียค่าภาษีแล้ว 76 ล้านบาท เชื่อว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และน่าจะมีบุหรี่หนีภาษีเป็นจำนวนมากที่ทะลักเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยได้ ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ร้านค้าที่ขายบุหรี่ถูกกฎหมายไม่สามารถแข่งขันกับพ่อค้าในตลาดมืดได้ เดือดร้อนคนค้าขายสุจริต และยังทำให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษีที่จะนำมาใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ด้วย

“สภาพตลาดบุหรี่ที่ผ่านมาในปีนี้ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงมากมายที่ส่งผลกระทบกับร้านค้าที่ ถูกกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบที่เข้มข้นขึ้นทำให้สภาพการขายเป็นไปอย่างยากลำบาก ตลอดจนการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ที่ทำให้ราคาในตลาดผันผวนไม่แน่นอน ตราบใดที่สภาพแวดล้อมทางธุรกิจยังไม่นิ่ง ทั้งหมดทั้งสิ้นล้วนเป็นปัจจัยที่กระตุ้นธุรกิจในตลาดมืด” นางวราภรณ์กล่าว

สำหรับการจัดการปัญหาบุหรี่เถื่อนนั้น นางวราภรณ์เสนอให้ดำเนินการแบบบูรณาการ โดยต้องกำหนดอัตราภาษีที่เหมาะสม ให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ร้านค้าและผู้บริโภค และที่สำคัญคือต้องปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น “ในปีนี้ทางสมาคมฯ ได้จัดทำแผ่นพับรณรงค์เพื่อให้ร้านค้าตระหนักถึงโทษของการค้าบุหรี่เถื่อนและขอฝากให้ภาครัฐดำเนินการปราบปรามอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มักจับกุมบุหรี่เถื่อนได้บ่อยครั้งตามที่เป็นข่าว ได้แก่ สงขลา สตูลและพัทลุง ซึ่งมักเป็นการลักลอบนำเข้ามาจากฝั่งมาเลเซีย ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถด้านการข่าว และที่สำคัญคือต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง”