ภารกิจร้อน 5 รัฐมนตรี พาณิชย์-เกษตร หนุนเศรษฐกิจฐานราก

การปรับ ครม.ประยุทธ์ 5 เป็นสิ่งที่หลายคนจับจ้องมองว่า รัฐมนตรีใหม่แต่ละกระทรวงที่ถูกวางตัวให้มารับตำแหน่งจะโชว์ฝีมือได้ดีขึ้นมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะ 2 กระทรวงเศรษฐกิจหลักอย่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ที่รับผิดชอบดูแลเศรษฐกิจฐานราก ปากท้องประชาชน ทั้งการยกระดับราคาสินค้าเกษตร การหาตลาดทั้งภายในประเทศ และส่งออกไปต่างประเทศ เพื่อให้เกษตรกรยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง

“สนธิรัตน์” หนุน ศก.ฐานราก

เริ่มจาก “นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ได้ปรับจากรัฐมนตรีช่วยว่าการ ขึ้นมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หลังการเข้ารับตำแหน่ง นายสนธิรัตนมอบนโยบายให้กับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงว่า ภารกิจหลักที่จะเดินหน้าผลักดันเพื่อให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล 3 ประเด็นหลัก คือ 1.เน้นสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก โดยสร้างอาชีพให้กับผู้ประกอบการผู้มีรายได้น้อย เอสเอ็มอี และยกระดับร้านค้าอาชีพเพื่อให้มีความเข้มแข็งและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2.การดูแลค่าครองชีพ โดยนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาช่วยสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย และ 3.การผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ลดปัญหาและอุปสรรคให้กับผู้ส่งออก และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวสินค้าที่มีศักยภาพ การสร้างแบรนด์สินค้าไทย เน้นการพัฒนาคุณภาพสินค้ามากกว่าปริมาณ เพื่อให้มีความเข้มแข็งในระยะยาว

“ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 จะประชุมหารือร่วมรองนายกรัฐมนตรี และประชุมทูตพาณิชย์จากทั่วโลก เพื่อวางเป้าหมายและผลักดันการส่งออกในปี 2561 กระทรวงพาณิชย์พร้อมทำงานใกล้ชิดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงภาคเอกชน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย เรามีเวลาทำงานเพียง 1 ปี จึงต้องขับเคลื่อนการทำงานอย่างเต็มที่”

พร้อมเดินหน้าโครงการร้านธงฟ้าประชารัฐ สำหรับประชาชนที่มีบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ขณะนี้ติดตั้งเครื่องรูดบัตร (EDC) เสร็จ 18,000 แห่งตามเป้าหมายแล้ว หลังจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ร้านค้าเกิดความเข้มแข็งและยั่งยืน ทั้งยังเปิดโอกาสให้ร้านค้าที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการโดยไม่จำกัดสิทธิ์เฉพาะร้านใด

“ชุติมา” รับงานระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ นายสนธิรัตน์จะดูแล 6 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า องค์การคลังสินค้า และสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ขณะที่นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะดูแลภารกิจของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ กรมทรัพย์สินทางปัญญา และศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน)

“กฤษฎา” ลุยนโยบาย 3 ต.

ด้านนายกฤษฎา บุญราช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้ถูกวางตัวมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯว่า สำหรับการขับเคลื่อนงานของกระทรวงเกษตรฯจะต้องคำนึงถึงทุกข์สุขเพื่อเกษตรกรอย่างแท้จริง ทุกโครงการที่ดำเนินการต้องสามารถจับต้องได้ โดยมีแนวทางในการปฏิบัติงาน เรียกว่า “นโยบาย 3 ต.” ได้แก่ ต่อ-เติม-แต่ง

โดย “ต่อ” คือ การสานต่อนโยบายเดิมที่ดีอยู่แล้ว ให้มีการขยายผลต่อเนื่อง “เติม” คือ การเพิ่มรายละเอียดให้โครงการเดิมที่ยังไม่สมบูรณ์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนคนและงบประมาณ “แต่ง” คือ การปรับปรุง เปลี่ยนแปลงในโครงการเดิมที่ไปต่อไม่ได้ หรือควรจะปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งต้องผนึกกำลังในระดับจังหวัด โดยปรับโครงสร้างการทำงานให้บูรณาการทำงานร่วมกันได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ให้ลดขั้นตอนการปฏิบัติทางราชการลง เพื่อให้คล่องตัวและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยใช้ไลน์ในการติดต่อประสานงาน และกำชับให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

เป้า 3 เดือนสานต่อ-แก้จุดอ่อน

สำหรับเป้าหมายการทำงานช่วง 3 เดือนแรก เน้นการดำเนินการใน2 เรื่องสำคัญ คือ 1.มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้ผล จะขยายผลต่อเนื่อง เช่น แปลงใหญ่ และ 2.หากมาตรการใดมีจุดอ่อนจะเร่งปรับปรุงแก้ไข

ส่วนการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ จะไม่นำยางในสต๊อกมาขาย แต่จะผลักดันให้ส่วนราชการนำยางไปใช้ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ส่วนเรื่องที่ กยท.ไปร่วมทุนกับ 5 บริษัทในนามบริษัท ร่วมทุนยางพารา จำกัด ให้ประเมินผลแล้วมารายงานในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ รวมถึงส่งเสริมให้สหกรณ์และวิสาหกิจชุมชนมีความเข้มแข็ง เป็นตัวกลางรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกรมาขายได้

“ผมจะใช้หลักการ 3 ต่อ ข้าราชการที่อยู่ประจำอำเภอและจังหวัด จะปรับโครงสร้างให้ทำงานร่วมบูรณาการได้อย่างแท้จริง เช่น กระทรวงมีนโยบายลดพื้นที่การทำสวนยาง จะเปลี่ยนไปปลูกพืชอะไร กรมพัฒนาที่ดินต้องบอกได้ว่า ดินตรงนั้นเหมาะจะปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ กรมชลต้องจัดสรรน้ำไปถึง เป้าหมายหลักในการทำงานคือ การดูแลเกษตรกรให้มีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การทำงานจะคำนึงถึงประโยชน์ของเกษตรกรเป็นหลัก เมื่อราชการไปแนะนำให้เกษตรกรปลูกหรือทำอะไรต้องขายได้ มีคนซื้อ มีตลาดรองรับ การผลิตต้องมีต้นทุนต่ำกว่าราคาขายทำอย่างไรไม่ให้เกษตรกรขาดทุน”

มิติใหม่แบ่งงาน 2 รมช.เกษตรฯ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯนอกจากจะปรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนใหม่แล้ว ยังได้มีการดึงคนดีมีฝีมือ 2 คน เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ โดย นายลักษณ์ วจนานวัช อดีตผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งมารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯมีประสบการณ์ด้านการจัดหาเงินทุน นายกฤษฎามอบให้ดูแลเรื่องการวางแผนผลผลิตทางการเกษตร และเรื่องส่งเสริมช่องทางการตลาด

ขณะที่ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร หรือ “อาจารย์ยักษ์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯอีกคนได้รับมอบนโยบายให้ดูแลงานด้านการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ การผลิตสินค้าการเกษตร รวมทั้งการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มาส่งเสริมให้เกษตรกรน้อมนำมาเป็นหลักในการประกอบอาชีพและดำเนินชีวิต